ราชทัณฑ์ แจงปม รุ้ง-ทราย คุกหญิง งดรับของบริจาค ช่วงโควิดระบาด ยกเว้นอาหาร-ยารักษาโรค
จากกรณีที่ นางสาวอินทิรา เจริญปุระ หรือ ทราย และนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ตัวแทนกลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก ได้นำชุดชั้นในและผ้าอนามัย ไปยังทัณฑสถาน หญิงกลาง เพื่อบริจาคให้แก่ผู้ต้องขังหญิง เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา แต่ทางทัณฑสถานฯ แจ้งงดรับของบริจาคดังกล่าว นั้น
เมื่อวันที่ 27 มกราคม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า โดยปกติแล้ว กรมราชทัณฑ์เปิดโอกาสให้ทุกหน่วยงานและประชาชนทุกภาคส่วนที่มีความประสงค์ สามารถนำสิ่งของที่จะบริจาคไปยังเรือนจำและทัณฑสถานได้โดยตรง เพียงแสดงบัตรประชาชน และเขียนใบแจ้งความประสงค์ขอบริจาคให้ครบถ้วน
แต่ปัจจุบัน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ทำให้จำเป็นต้องงดการให้บุคคลภายนอกเข้าภายในทัณฑสถานฯ และงดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ซึ่งรวมถึงการงดรับบริจาคสิ่งของเป็นการชั่วคราว ยกเว้นกรณีจำเป็น อาทิ การขนส่งวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร ยารักษาโรค ฯลฯ โดยต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด19 อย่างเคร่งครัด
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดสรรสิ่งของเครื่องใช้สำหรับผู้ต้องขัง ในเรือนจำและทัณฑสถานนั้น กรมราชทัณฑ์จัดสวัสดิการสำหรับผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกราย ประกอบด้วย ชุดผู้ต้องขัง ขัน สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผงซักฟอก หน้ากากผ้า ผ้าอนามัย รองเท้าแตะ ไม้แขวนเสื้อ ฯลฯ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติอย่างมีมาตรฐาน ภายใต้กฎและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังฉบับปรับปรุง หรือ ข้อกำหนดแมนเดลา (Mandela Rules) และข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิง และมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (ข้อกําหนดกรุงเทพ หรือ The Bangkok Rules)
ซึ่งกำหนดให้มีการสนับสนุนอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวให้แก่ผู้ต้องขังหญิง ทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผู้ต้องขัง ทุกคนสามารถเขียนคำร้องขอสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ในชีวิตประจำวันเพิ่มเติมในกรณีที่ได้รับแจกสวัสดิการแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอต่อความจำเป็นในการใช้
กรมราชทัณฑ์ขอยืนยันว่า ถึงแม้ที่ผ่านมา จะได้รับการจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายของผู้ต้องขังแต่ละคนต่อปีค่อนข้างจำกัด ซึ่งอาจจะส่งผลต่อค่าจัดซื้อผ้าอนามัยแจกกลุ่มผู้ต้องขังหญิงซึ่งมีแนวโน้มจำนวนเพิ่มสูงขึ้นทุกๆ ปี กรมราชทัณฑ์จะยังคงยึดมั่นการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังให้เป็นมาตรฐาน และพร้อมที่จะดำเนินการแก้ไข พัฒนาปรับปรุงต่อไป ภายใต้กฎ ระเบียบ ข้อกฎหมาย และ หลักสิทธิมนุษยชนที่ทุกคน พึงจะได้รับอย่างเท่าเทียมกัน