จากกรณีนายปิยรัฐหรือโตโต้ จงเทพ นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายกสมาคมเพื่อเพื่อนและนักกิจกรรมทางการเมือง ฉีกบัตรออกเสียงประชามติ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางนาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา จับกุม รวมถึงนายทรงธรรมหรือเดฟ แก้วพันพฤกษ์และนายจิรวัฒน์หรือตั้ม เอกอัครนุวัฒน์ ผู้ติดตามและถ่ายคลิปวิดีโอขณะที่นายปิยรัฐฉีกบัตรลงคะแนนเสียง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 23 สิงหาคม ที่สน.บางนา นายปิยรัฐ นายทรงธรรม และนายจิรวัฒน์ โดยทั้งหมดสวมเสื้อสีเนื้อ พิมพ์ข้อความด้านหลัง “เรือนจำพิเศษประเทศไทย”เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพ.ต.ท.สายชล หงษ์สุวรรณ์ รองผกก.สอบสวน สน.บางนา โดยใช้เวลา30นาที
จากนั้นนายปิยรัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นตนและพวกจะเดินทางไปที่อัยการเพื่อฟังคำสั่งว่า ทางอัยการมีคำสั่งฟ้องหรือไม่นั้น แต่ตนยืนยันว่าจะใช้สิทธิ์ในชั้นสอบสวนเพื่อที่จะให้ปากคำเพิ่มเติมเนื่องจากมีหลักฐานที่จะมอบให้ อีกทั้งให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่มาโดยตลอดไม่มีพฤติการณ์หลบหนี อย่างไรก็ตามหากทางอัยการมีคำสั่งฟ้อง จะดูวงเงินการประกันตัวหากอยู่ในความเหมาะสม ประมาณ10,000-20,000 บาท จะประกันตัว แต่ถ้าหากวงเงินประกัน 100,000 บาท จะไม่ขอประกันตัวเพราะมากเกินความเหมาะสม
นายปิยรัฐ กล่าวต่อว่า สำหรับเสื้อที่ใส่มาในวันนี้นั้นต้องการแสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแต่เรือนจำพิเศษเท่านั้นที่เป็นที่คุมขังแต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถคุมขังได้ เหตุที่ใส่ครึ่งท่อนมีความหมายว่าพวกตนเดินทางเข้าสู่กระบวนการมาครึ่งทางแล้ว หลังจากนี้หากอัยการมีคำสั่งฟ้องยืนยันว่าพร้อมเข้าสู่กระบวนการ
ด้านพ.ต.ท.สายชล กล่าวว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นัดผู้ต้องหาทั้ง3รายมาพบเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมและรวบรวมสำนวนคดีทั้งหมด ก่อนนำสำนวนคดีและผู้ต้องหาทั้งสามรายไปพบอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ หากสั่งฟ้องก็จะคุมตัวส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดพระโขนงต่อไป
อย่างไรก็ดีในเวลาต่อมา รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนโทรศัพท์แจ้งกับพนักงานอัยการว่า สำนวนการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ รวมถึงต้องรอผู้บังคับบัญชาลงนามในสำนวนการสอบสวนด้วย จึงขอเลื่อนส่งสำนวนออกไปก่อน โดยยังไม่ได้ระบุว่าจะส่งสำนวนให้พนักงานอัยการในวันใด
เวลา 17.00 น.พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น. 5 เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทางสน.บางนาว่า กรณีของนายปิยรัฐและพวกนั้น พนักงานสอบสวนต้องกลับไปทำสำนวนเพิ่มเติมในบางประเด็น ทั้งนี้การสรุปสำนวนยังไม่เสร็จสิ้นในชั้นพนักงานสอบสวน คาดว่าไม่เกินภายในสัปดาห์นี้สำนวนจะเสร็จ หากสำนวนเสร็จต่อไปทางพ.ต.อ.อุดม ธุระงาน ผกก.สน.บางนา ในฐานะหัวหน้าสถานีจะต้องลงความเห็นทางสำนวนว่าจะส่งฟ้องต่ออัยการหรือไม่ ซึ่งหากมีความเห็นสั่งฟ้องทางพนักงานสอบสวนก็จะนำตัวนายปิยรัฐและพวกพร้อมสำนวนไปส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ หากทางอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องก็จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งศาลจังหวัดพระโขนงเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป เช่นเดียวกันหากหัวหน้าสถานีไม่มีความเห็นสั่งฟ้องก็ทำเรื่องถอนประกันตัวตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตามคดีนี้ตนได้เร่งรัดให้ทางพนักงานสอบสวนทำสำนวนให้รอบคอบและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
