สืบเนื่องจากกลุ่ม REDEM นัดหมายรวมพล 15.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนเดินขบวนไปบ้านพักหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ณ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในเวลา 16.00 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์นั้น
ล่าสุด เมื่อเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนตั้งแถวกดดันกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่หน้าโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ก่อนมีคำสั่งให้เข้าจับกุมผู้ที่ใช้อาวุธก่ออันตราย ระหว่างนั้นมีการขว้างปาและยิงหนังสติ๊กใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจจากบุคคลไม่ทราบฝ่ายในฝั่งของผู้ชุมนุม
โดยผู้ชุมนุมบางส่วนได้พากันนั่งชูมือคุกเข่ากับพื้น พร้อมบอกเจ้าหน้าที่ว่าพวกเราไม่มีอาวุธ
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดใส่ผู้ชุมนุมจนกระจายตัวกันออกไป ซึ่งผู้ชุมนุมได้ข้ามถนนคู่ขนานวิภาวดี เพื่อปิดการจราจรเพิ่มอีกชั้น พร้อมปิดล้อมแนวของตำรวจจากด้านหน้าและหลัง และมีการขว้างปาสิ่งของใส่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ขว้างแก๊สน้ำตาออกไป และมีการยิงกระสุนยางใส่ จนผู้ชุมนุมแตกฮือ
ทั้งนี้ มีการขว้างปาประทัดส่งเสียงดังอยู่หลายครั้ง ท่ามกลางประชาชนผู้ใช้รถที่ขับหลงเข้ามา และไม่สามารถออกไปไหนได้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ในเวลา 19.00 น. ยังคงทรงตัว ไม่มีความเคลื่อนไหวจากฝั่งตำรวจและผู้ชุมนุม
ต่อมา พล.ต.ท.ภัคพงษ์ พงศ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้เดินทางมาควบคุมสถานการณ์ด้วยตนเอง พร้อมให้ตัวแทนของกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้ามาเจรจา จนสามารถหาทางออกร่วมกันได้ ส่งผลให้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายขึ้น
เบื้องต้นตำรวจอนุญาตให้ผู้ชุมชุมชุมนุมได้อย่างสงบบริเวณถนนวิภาวดี รังสิตขาออก แต่ห้ามเข้ามาในพื้นที่หวงห้าม ส่วนทางตำรวจได้นำรถน้ำ 2 คัน ออกจากพื้นที่
ขณะที่การจราจรฝั่งขาออกได้ถูกปิดตาย เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยึดพื้นผิวการจราจรทั้งหมด ส่งผลให้ทางด่วนโทลเวย์วิภาวดี-ดอนเมือง ต้องเปิดให้ประชาชนขึ้นฟรี เพื่อระบายการจราจรและลดความเดือดร้อนของประชาชน
ต่อมา เวลา 19.15 น. ตำรวจควบคุมฝูงชนถอยร่นกำลังกลับมาอยู่หน้า รพ.ทหารผ่านศึก เพื่อที่จะเข้าที่ตั้งในถนนพหลโยธินซอย 2 ผู้ชุมนุมที่อยู่หน้ากรมทหารราบที่ 1 เดินมาสบทบ ก่อนจะมีการขว้างปาวัตถุใส่เจ้าหน้าที่อีกครั้ง โดยมีผู้ชุมนุมพากันลากตัวผู้ขว้างสิ่งของออกไป ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการขว้างปาสิ่งของ เบื้องต้นยังไม่ทราบจำนวน
