แกนนำคนอยากเลือกตั้งขึ้นศาลนัดพร้อมคดีชุมนุมยูเอ็น ‘จ่านิว’ขอพิจารณาลับหลังไปเรียนดูไบ ด้าน ‘เอกชัย’ ไม่เชื่อ ‘แอมมี่’ เผาจริง ข้องใจเจ้าตัวอยู่ รพ.ตั้งข้อสังเกตจุดที่เผาไม่มีวงจรปิดเเต่สรุปมือเผาแล้ว
เมื่อช่วงเช้า วันที่ 3 มีนาคม ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมคู่ความ คดีแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง (ชุด UN62) หมายเลขดำ อ.1308/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว กับพวกแกนนำและแนวร่วมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เป็นจำเลย รวม 18 คน ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558
กรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้งร่วมกันชุมนุมเมื่อระหว่างวันที่ 21 – 22 พ.ค. 2561 เพื่อเรียกร้องการเลือกตั้ง และต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เนื่องในโอกาสครบรอบ 4 ปี คสช.ที่หน้า ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และหน้าองค์การสหประชาชาติ
สำหรับรายชื่อจำเลยเรียงลำดับ ประกอบด้วย 1.นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว 2.น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ 3.นายเอกชัย หงส์กังวาน 4.นายอานนท์ นำภา 5.นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ 6.น.ส.ศรีไพร นนทรีย์ 7.นายวันเฉลิม กุนเสน 8.นายธนวัฒน์ พรมจักร 9.นายประจิณ ฐานังกรณ์ 10.นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ 11.นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ 12.น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด 13.นายนิกร วิทยาพันธุ์ 14.นายวิเศษณ์ สังขวิศิษฏ์ 15.นายพุทไธสิงห์ พิมพ์จันทร์ 16.นายคีรี ขันทอง 17.นายประสงค์ วางวัน 18.นายภัทรพล จันทรโคตร
วันนี้พวกจำเลยพร้อมทนายความเดินทางมาศาล โดยมีการเบิกตัวนายอานนท์ จำเลยที่ 4 และเป็นทนายความ ซึ่งถูกคุมขังไม่ได้รับการประกันตัวคดีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาล ส่วนนายสิรวิชญ์ จำเลยที่ 1 ไม่ได้เดินทางมาศาล เนื่องจากศึกษาต่อต่างประเทศ ขอพิจารณาคดีลับหลัง อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้เดิมเคยมีการนัดตรวจหลักฐานและกำหนดวันนัดวันสืบพยานมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ศาลได้ยกเลิกวันนัดสืบพยานนัดเดิมออกไป เนื่องจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19
ก่อนการพิจารณาคดี นายเอกชัยให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งถึงกรณีตำรวจทำการจับกุม นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์ หนึ่งในแนวร่วมกลุ่มราษฎร ว่า เป็นห่วงแอมมี่ ถ้าเจ้าหน้าที่ส่งฝากขังก็ต้องมาที่ศาลอาญา แต่เห็นว่าตำรวจอายัดตัวไว้ ไม่ทราบว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ หรือว่าส่งฝากขังทันที ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจ ว่าจะเป็นการป้ายสีเพราะแอมมี่เป็นแกนนำหรือเปล่า โดยส่วนตัวตนเองไม่ได้รู้จักกับแอมมี่ แต่เท่าที่ดูพฤติกรรมช่วงที่ไปสาดสีที่หน้าสถานีตำรวจ จริงอยู่ว่าอาจจะแอ๊กชั่นแรง แต่โดยส่วนตัวไม่คิดว่าน่าจะถึงขั้นก่อเหตุเผาทรัพย์สิน โดยส่วนตัวจึงไม่เชื่อว่าที่เผาป้ายคือแอมมี่ เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดที่เห็นแค่รถจักรยานยนต์ขับผ่าน ก็ไม่ทราบว่าเป็นรถของใครก็ไม่รู้ แล้วก็สรุปแล้วว่าเป็นคนเผา แต่ตรงจุดบริเวณที่เผาป้ายดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิด
“จะฝากขังทันหรือเปล่า ไม่รู้ขั้นตอนตรงนี้ แต่ก็ตลกดีนะที่ว่า ผมก็ไม่รู้ว่าแอมมี่เข้าโรงพยาบาลวันไหน แต่ที่ไฟไหม้รู้สึกเป็นตอนเช้าวันที่ 27 หรือ 28 ก.พ.ไม่แน่ใจ ถ้าคุณแอมมี่ยังอยู่ในโรงพยาบาล เขาจะทำอย่างไร ผมงงไม่เข้าใจ แล้วโรงพยาบาลอยู่ที่อยุธยา ไม่ใช่ใกล้ๆ” นายเอกชัยกล่าว
ด้าน น.ส.ณัฏฐาให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งถึงกรณีแอมมี่เช่นกันว่า ไม่อยากให้ฝ่ายใดก็ตามนำประเด็นนี้มาฉวยโอกาส ขยายความสร้างความแตกแยกให้มากไปกว่าเดิม อยากให้ทุกคนตรงไปตรงมา วันนี้ทุกคนเจ็บมากพอแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามกรณีแอมมี่โดนข้อหา ม.112 เหมาะสมหรือไม่ น.ส.ณัฎฐากล่าวว่า ข้อหาวางเพลิงนั้นมีโทษหนักและร้ายแรงกว่า ประเด็นข้อกฎหมาย ม.112 ที่อยากให้เป็นสากล ก็ต้องหาทางพูดคุยปรับปรุงกันต่อไป ไม่ว่าจะเป็นข้อหา ม.112 หรือ ม.116 ถ้าเราอยากสร้างการเปลี่ยนแปลง เราก็ช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดี ที่เราพูดคุยกันรู้เรื่อง อย่าเอาเรื่องของแอมมี่มาขยายความแตกแยก ซึ่งเมื่อช่วงเช้าตนฟังข่าวก็เห็นว่ามีบางคนเริ่มขยายความเกลียดชังต่อกัน
ต่อมาในการพิจารณานัดพร้อมคู่ความเพื่อกำหนดนัดสืบพยาน ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่ายเสร็จสิ้น สรุปโจทก์ได้เสนอพยานนำสืบต่อศาลเป็นจำนวน 51 ปาก ใช้เวลาสืบพยาน 17 นัด ส่วนจำเลยเสนอพยานนำสืบจำนวน 29 ปาก ใช้เวลาสืบ 9 นัด ศาลกำหนดสืบพยานโจทก์นัดแรก วันที่ 9 มิ.ย. 2564 นัดสุดท้ายวันที่ 20 ส.ค. 2564 สืบพยานจำเลยนัดแรก วันที่ 1 ก.ย. 2564 นัดสุดท้ายวันที่ 17 ก.ย. 2564 สำหรับกรณีที่นายสิรวิชญ์ จำเลยที่ 1 ขอพิจารณาคดีลับหลัง เนื่องจากอยู่ระหว่างไปศึกษาต่อที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะเดินทางกลับในเดือน มิ.ย. 2564 และจำเลยอื่นที่ขอพิจารณาคดีลับหลัง ศาลอนุญาต
