ภาคีนักกฎหมายสิทธิฯ ประณามสลายหมู่บ้านทะลุฟ้า ขัด รธน.ร้ายแรง ย้ำข้าราชการต้องรับใช้ประชาชน

ภาคีนักกฎหมายสิทธิฯ ประณามสลายหมู่บ้านทะลุฟ้า ขัด รธน.ร้ายแรง ย้ำข้าราชการต้องรับใช้ประชาชน

กรณีเมื่อเวลาประมาณ 05.50 น.วันนี้ (28 มีนาคม) พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผบก.น.1 พร้อม พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.อคฝ. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) รวม 4 กองร้อย ขอคืนพื้นที่ บริเวณซอยพระราม 5 เลียบคลองผดุงกรุงเกษม ใกล้สะพานชมัยมรุเชฐข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นพื้นที่ปักหลักชุมนุมของกลุ่มเดินทะลุฟ้า หรือหมู่บ้านทะลุฟ้า ที่ชุมนุมค้างคืนมาตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมานั้น

วันเดียวกัน (28 มีนาคม) ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ประณามการสลายการชุมนุมของประชาชนที่หมู่บ้านทะลุฟ้า ระบุว่า การทำกิจกรรมของหมู่บ้านทะลุฟ้าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ซึ่งสิทธิเสรีภาพดังกล่าวที่ถูกรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคี มีพันธกรณีจะต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งภายในหมู่บ้านยังมีมาตรการตรวจคัดกรองโรคบริเวณทางเข้าออก ตามมาตรฐานดังเช่นที่หน่วยงานรัฐกำหนด

จากเหตุการณ์เมื่อรุ่งสางของวันนี้ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) เข้าสลายการชุมนุมของประชาชน ณ หมู่บ้านทะลุฟ้า เจ้าหน้าที่ได้จับกุมประชาชน จำนวน 60 คน พระจำนวน 2 รูป และเยาวชน จำนวน 6 คน และในช่วงเย็น มีผู้ที่ถูกควบคุมตัวเพิ่มอีกกว่า 40 คน โดยเจ้าหน้าที่นำผู้ต้องหาทั้งหมดไปที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 จังหวัดปทุมธานี

Advertisement

การควบคุมประชาชนไปที่ ตชด.ดังกล่าว ปรากฏภาพในสื่อโซเชียลมีเดียว่า มีการใช้เครื่องพันธนาการกับผู้ต้องหาบางรายด้วย ทนายความจากภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนโดยเข้าร่วมฟังการสอบสวนพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาความตามพระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ พระราชบัญญัติโรคติดต่อ และพระราชบัญญัติการจราจร

นอกจากนี้ ยังพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอตรวจดีเอ็นเอของผู้ต้องหาทั้งที่เป็นผู้ใหญ่และเยาวชน และใช้กำลังบังคับให้พระที่เข้าร่วมการชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้าสึกโดยไม่เต็มใจ เป็นจำนวน 2 รูป

Advertisement

การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจร้องขอให้มีการตรวจสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอของผู้ต้องหา ในคดีเกี่ยวสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่แสดงออกในทางการเมือง แม้จะอ้างว่าเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131/1 พิสูจน์การกระทำความผิดของผู้ต้องหา หากแต่ความผิดเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมือง ไม่มีเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจร้องขอตรวจดีเอ็นเอแต่อย่างใด และประชาชนที่อาจจะไม่ทราบสิทธิอาจจะให้ความยินยอมด้วย เพราะไม่รู้ถึงเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้

การตรวจสารพันธุกรรมโดยไม่มีเหตุถือเป็นการใช้อำนาจขัดต่อหลักความจำเป็นและเกินกว่าเหตุ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และอาจจะส่งผลเสียต่อตนเองภายหลังได้ เจ้าหน้าที่จึงพึงต้องระวังในการปฏิบัติหน้าที่หาใช่เพียงแต่กระทำการตามขั้นตอนให้ครบถ้วนสมบูรณ์โดยไม่พิจารณาเหตุและพฤติการณ์แห่งคดี อันอาจจะเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินกว่าเหตุได้

และในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) ใช้กำลังบังคับดึงจีวรเพื่อให้พระที่เข้าร่วมการชุมนุมของหมู่บ้านทะลุฟ้าสึก โดยอ้างว่าพระสึกด้วยความสมัครใจนั้น เป็นการกระทำที่มิชอบ และเป็นการกล่าวอ้างที่ไร้เหตุผล เพื่อให้การปฏิบัติการที่เลวร้ายของตนเองได้รับการรับรองตามกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เป็นการละเมิดต่อเสรีภาพในการนับถือศาสนาและเสรีภาพในการปฏิบัติตามศาสนธรรมและศาสนบัญญัติ

รัฐบาลมีหน้าที่ต้องปกป้องประชาชนจากอันตราย ต้องคุ้มครองให้ประชาชนมีความปลอดภัยและต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม แต่การสลายการชุมนุมของประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญโดยใช้กำลัง อาวุธ ใช้เครื่องพันธนาการ ตลอดจนการแจ้งข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม แสดงถึงความเป็นรัฐที่ล้มเหลวในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง

การอ้างความจำเป็นในการเข้าสลายการชุมนุมและอ้างกฎหมายในขั้นตอนการชุมนุมเป็นการข้ออ้างที่บิดเบือนต่อข้อเท็จจริงและให้ร้ายต่อประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม

การสลายการชุมนุมและการจับกุมประชาชนดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง ภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชนขอประณามทุกความรุนแรงที่รัฐกระทำต่อกาย วาจา ใจ และสิทธิเสรีภาพของประชาชน และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามเจตจำนงของกฎหมายและปฏิเสธคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาที่สั่งการเพื่อละเมิดสิทธิของประชาชนด้วยการปกป้องความมั่นคงของรัฐบาล

ข้าราชการต้องรับใช้ประชาชน
ภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน
28 มีนาคม 2564

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image