ศาลนัดตรวจหลักฐาน’เอกชัย’-พวกคดีขวางขบวนเสด็จ26 เม.ย. ลุ้น!เย็นนี้ ปล่อยชั่วคราว

ศาลนัดตรวจหลักฐาน’เอกชัย’-พวกคดีขวางขบวนเสด็จ26 เม.ย.ลุ้นเย็นนี้อนุญาตปล่อยชั่วคราวหรือไม่

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง หรือฟรานซิส นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ หรือตัน ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง (Active Youth), นายชนาธิป ชัยชะยางกูร และนายภาณุภัทร ไผ่เกาะ 5 ผู้ต้องหา เดินทางมารายงานตัวตามที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 นัดสั่งคดี กรณีที่พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต มีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ในความผิดฐาน ประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินีฯ ตาม ป.อาญา ม.110 กับข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ ให้เกิดความวุ่นวาย ม.215 และกีดขวางการจราจรฯ กรณีชุมนุมใกล้ขบวนเสด็จพระราชินีเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 จากนั้นในเวลา 11.00 น. ทางพนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา นำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา

สำหรับคำฟ้องคดีระบุพฤติการณ์สรุปได้ว่า กลุ่มคณะราษฎร 2563 ได้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 14 ต.ค. 2563 โดยเวลาประมาณ 14.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ตลอดเส้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้ตั้งเครื่องกีดขวางหลายจุด ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนซึ่งมีจำเลยที่ 1-5 รวมอยู่ด้วย ได้แยกตัวออกมาจากขบวน เดินล่วงหน้าไปรวมตัวกันที่ ถ.พิษณุโลก ใกล้ทำเนียบรัฐบาลเพื่อรอขบวน ขณะนั้นตลอดเส้นทาง ถ.พิษณุโลก ยังไม่ปิดการจราจร เนื่องจากยังต้องดำรงไว้เป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินตามหมายกำหนดการขบวนเสด็จฯ

จำเลยทั้งห้ากับพวกจำนวนหลายร้อยคนยืนบนพื้นผิวจราจร ถ.พิษณุโลก ช่วงตั้งแต่หน้าประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล จนถึงเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ในลักษณะกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้จัดแถวคู่ขนานขบวนเสด็จพระราชดำเนินตลอดแนวขบวน เพื่อเป็นแนวสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เข้ามาประชิดใกล้ขบวนเสด็จ จากนั้นตำรวจแถวหน้าได้ขยับเดินไปข้างหน้านำขบวนเสด็จให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าตามรถนำขบวน 4 คันแรกดังกล่าวไปอย่างช้าๆ

Advertisement

ในทันใดนั้น จำเลยทั้งห้ากับพวกได้ร่วมกันเดินเข้าไปขวางเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน โดยช่วยกันใช้กำลังผลักดันแถวแนวหน้าตำรวจควบคุมฝูงชนที่กำลังเคลื่อนเดินหน้านำขบวนเสด็จไปยังเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อขัดขวางไม่ให้ขบวนเสด็จสามารถเคลื่อนผ่านขึ้นสะพานชมัยมรุเชฐไปยังแยกนางเลิ้งได้ โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งการนำ จำเลยที่ 2-5 กับพวก เดินเข้าไปขัดขวางเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน โดยร่วมกันใช้กำลังผลักดันแถวหน้าตำรวจควบคุมฝูงชนไม่ให้นำขบวนเสด็จพระราชดำเนินเคลื่อนที่ขึ้นไปข้างหน้าได้

เมื่อจำเลยทั้งห้ากับพวกไม่สามารถต้านทานแรงผลักดันของตำรวจควบคุมฝูงชนได้ จำเลยที่ 3 ได้สั่งการให้ผู้ชุมนุมนั่งลงบน ถ.พิษณุโลก ขัดขวางเส้นทางเสด็จ ทำให้ตำรวจควบคุมฝูงชนต้องหยุดรอตำรวจมาเสริมกำลังหน้าแถว ตำรวจได้ช่วยกันดึงและผลักดันพวกของจำเลยทั้งห้าที่นั่งขวางบน ถ.พิษณุโลก บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ จนจำเลยทั้งห้ากับพวกไม่สามารถต้านทานแรงผลักดันได้ จึงได้ยอมถอยออกไปจากเส้นทางขบวนเสด็จ แต่ยังคงยืนอยู่บนถนน ขณะที่ขบวนเสด็จกำลังเคลื่อนผ่าน จำเลยที่ 1, 4, 5 กับพวกได้ชูสามนิ้วใส่ขบวนเสด็จอีกด้วย

ขอให้ลงโทษในความผิดฐานร่วมกันพยายามกระทำการประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการให้เกิดความวุ่นวายฯ โดยจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นหัวหน้าหรือผู้สั่งการ, กีดขวางการจราจร และกีดขวางทางสาธารณะ ตาม ป.อาญา ม.110, 215, 385 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก เหตุเกิดที่แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ

Advertisement

หลังพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องนายเอกชัย, นายบุญเกื้อหนุน, นายสุรนาถ, นายชนาธิป และนายภาณุภัทร์ เป็นจำเลยที่ 1-5 ต่อศาลแล้ว ศาลรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.778/2564 สอบคำให้การจำเลยทั้งหมดแล้ว จำเลยทั้งหมดแถลงให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี ศาลจึงนัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานต่อไปในวันที่ 26 เม.ย. 2564 เวลา 9.00 น.

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศาลพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image