ธนาธรฟ้อง”อานนท์- บุญเกื้อ”คนละสำนวนโพสต์หมิ่น รุกป่าสงวน-ล้มเจ้า เรียกค่าเสียหายอ่วม 3-24 ล้าน

ธนาธรฟ้อง”อานนท์- บุญเกื้อ”คนละสำนวนโพสต์หมิ่น รุกป่าสงวน-ล้มเจ้า เรียกค่าเสียหายอ่วม 3-24 ล้าน

เมื่อวันที่ 10 เมษายนผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อายุ 42 ปี อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นโจทย์ฟ้อง นายอานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อายุ 43 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 เรียกค่าเสียหาย 24,062,475 ล้านบาท

คดีนี้โจทก์ฟ้องระบุว่า จำเลยเป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรการวิเคราะห์ธุรกิจและวิทยาการข้อมูลคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)มีตำแหน่งทางวิชาการเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ และเป็นผู้เปิดใช้บัญชีเพจเฟซบุ๊กชื่อ Arnond Sakworawich ” (หรืออานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์) มีผู้ติดตามไม่น้อยกว่า 74,000 คน ต่อมาเมื่อวันที่ 5 มี.ค.เวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายกล่าวคือ จำเลยได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า “รู้ว่าเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติลงนามรับรู้แต่ก็ยังซื้อขายมาเป็นของตนเอง นี่จงใจทำผิดกฎหมายโดยเจตนาเลย คดีนี้ควรต้องเข้าคุกนะครับ ทำผิดโดยเจตนา ตั้งใจโกงที่แผ่นดิน มาเป็นสมบัติส่วนตัว ถือเป็นการโกงชาติ คนโกงชาติคนโกงแผ่นดินขนาดนี้เหรอครับ ที่จะบอกว่าให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ปฏิรูปตัวเองไม่ให้โกงชาติโกงแผ่นดินเสียก่อนเถิด”บุคคลทั่วไปที่ได้เห็น ได้อ่านข้อความทั้งหมดประกอบกันย่อมเข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี กระทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง คดโกงเอาที่ดินที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติมาเป็นของตนเองโดยทุจริต มีนิสัยแลวทราม ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วโจทก์ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย

การโพสต์ข้อความดังกล่าวของจำเลยลงในบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตหรือเรียกว่าโซเชียลเน็ตเวิร์กซึ่ง
เป็นพื้นที่สาธารณะบนโลกออนไลน์และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกและมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ถือเป็นการใส่ความโจทก์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อบุคคลที่สามและประชาชน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เกียรติยศทางทำมาหาได้ ฐานะทางสังคมและครอบครัว เนื่องจากโจทก์เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจ อันเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ จึงขอใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเป็นเงินจำนวน 24,062,475 บาทและให้ลบหรือหยุดเผยแพร์โพสต์หรือประกาศข้อความอันเป็นเท็จที่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์กับให้ลงประกาศโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์และหรือแอพพลิเคชั่นเพซบุ๊กของจำเลย เป็นเวลาติดต่อกัน 7 วัน

Advertisement

เหตุคดีนี้เกิดขึ้นทั่วราชอาณาจักรไทย

ทั้งนี้ศาลรับไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.077/2564 เพื่อไต่สวนมูลฟ้องว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ต่อไป

นอกจากนี้แล้ว นายธนาธร ยังได้ยื่นฟ้องนายบุญเกื้อ ปุสสเทโว อายุ 53 ปี  ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยภักดี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 เรียกค่าเสียหาย จำนวน 3 ล้านบาท

กรณีเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา เวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ”บุญเกื้อ ปุสสเทโว”โพสต์ข้อความหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์

นอกจากนี้จำเลยยังได้ตัดต่อภาพของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาโจทก์ ทำให้โจทก็ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง
การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการใส่ความโจทก์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จโดยการโฆษณา และแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตหรือเรียกว่าโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นพื้นที่สาธารณะบนโลกออนไลน์ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก เมื่อจำเลยมีเจตนาใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณา จงใจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติยศ อาชีพการงาน ทางทำมาหาได้ ฐานะทางสังคม ทำให้โจทก์เสื่อมเสียความน่าเชื่อถือและเสื่อมความนิยมศรัทธาในแวดวงการเมือง จึงขอใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียทายทางแพ่ง จำนวน 3 ล้านบาท

เหตุคดีนี้เกิดขึ้นทั่วราชอาณาจักรไทย ขอให้ศาลสั่งและบังคับจำเลยให้ลบหรือหยุดเผยแพร์โพสต์หรือประกาศข้อความอันเป็นเท็จในเว็บไซต์และเฟซบุ๊กของจำเลยกับให้ลงประกาศโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับ เว็บไซต์หรือเฟซบุ๊กของจำเลย เป็นเวลาติดต่อกัน 7 วัน

ทั้งนี้ศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำอ.868/2564 เพื่อไต่สวนมูลฟ้องว่าจะประทับรับฟ้องคดีหรือไม่

ด้านนายบุญเกื้อ กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลเพราะเป็นการโพสต์แซวการเมือง ลักษณะขำๆตามความรู้สึกของตนเอง เพื่อไม่ให้ไปเครียดกับการเมือง แต่ถ้านายธนาธรติดใจ หรือได้รับความเสียหายก็เป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะมาดำเนินการเกี่ยวกับพรรคการเมืองอีกครั้ง

“ผมก็ไม่กังวลเพราะเราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งพรรคการเมือง จึงไม่ต้องระมัดระวังมาก ก็เป็นลักษณะความคิดส่วนตัวที่ว่าเราเห็นเรื่องอะไร เห็นข่าวอะไรก็นำมาเปรียบเปรย เอามาแซวลักษณะขำๆ แต่ถ้ามองเรื่องความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างตอนนี้ ตนก็จะไม่ค่อยทำแล้ว เพราะว่าเราระมัดระวังมากขึ้น ”นายบุญเกื้อกล่าว

นายบุญเกื้อ กล่าวอีกว่า จะต้องปรึกษาทนายความเพื่อดูว่าฟ้องเรื่องอะไร ตนจะไม่ปฏิเสธเรื่องการโพสต์หรือการกระทำของเรา เพียงแต่ดูเหตุผลว่าเป็นอย่างไร เมื่อมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่นายธนาธรและครอบครัวทำ กับสิ่งที่คนทั่วไปเห็นอะไร เขาก็ต้องรู้สึกอย่างนั้น มองว่าเราอย่าไปปฏิเสธดีกว่า ว่าในเมื่อคุณทำอย่างนี้ คนก็ต้องมองอย่างนั้น คุณทำอย่างนั้น คนจะต้องคิดอย่างนี้ เช่นเรื่องจะแก้รัฐธรรมนูญ หรือมีเรื่องโรคระบาดอะไร ก็พูดเกี่ยวกับสถาบันฯใช่หรือไม่ ถึงแม้จะใช้คำพูด หรือโวหารอะไรตาม แต่คนทั่วไปก็สามารถคิดได้อยู่แล้ว ตนไม่ได้ใหญ่โต มีชื่อเสียง ถึงขนาดที่จะไปชี้นำสังคมอะไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image