นครบาลสรุปผลการจับกุมม็อบ 7 ส.ค. ผู้ต้องหา 14 คน 6 คดี

นครบาลสรุปผลการจับกุมม็อบ 7 ส.ค. ผู้ต้องหา 14 คน 6 คดี

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้สรุปผลการจับกุมผู้ต้องหากลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม รวม 6 คดี ผู้ต้องหารวม 14 คน ดังนี้

คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย คือ นายปวีณ์กร อายุ 22 ปี นายธนบัตร อายุ 20 ปี
ข้อหา “อั้งยี่และซ่องโจร และร่วมกันมีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับ-อนุญาต” ของกลางและสิ่งของตรวจยึด คือ กระเป๋าเป้สีดำ 1 ใบ หมวกกันน็อกสีดำ 5 ใบ เสื้อเกราะ 1 ตัว หน้ากากกันแก๊ส 1 อัน ถุงมือ 5 คู่ คีมตัดลวดอันเล็ก 2 อัน คัมตัดเหล็กอันใหญ่ 1 อัน ไฟฉายเลเซอร์สีดำ 3 อัน ประทัดควันสีฟ้า 2 อัน เข็มขัดสนาม 1 อัน วิทยุสื่อสาร (ว.แดง) 1 เครื่อง มีดพับ 1 อัน อาร์ม WEVO 3 อัน ลูกเหล็กกลม 290 เม็ด บรรจุอยู่ในขวดพลาสติกสีขาวฝาสีน้ำเงิน จำนวน 2 ขวด โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ONE PLUS สีดำ จำนวน 1 เครื่อง ของนายปวีณ์กร โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ REDMI สีน้ำเงินเข้ม (เคสดำเขียว) จำนวน 1 เครื่อง ของนายธนบัตร

พฤติการณ์ ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่ากลุ่มการ์ด wevo มีการเช่าห้องพักอยู่ที่โรงแรม mango lagoon จึงได้ทำการตรวจสอบพบผู้ต้องหาซึ่งเป็นการ์ด ของ wevo มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่ผู้ชุมนุมได้เข้าพักอาศัยที่ห้องดังกล่าวจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อมาวันนี้เวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสันติบาล เข้าทำการตรวจค้นห้องเลขที่ 402 ชั้น 4 ของโรงแรมดังกล่าว จากการตรวจสอบพบ ของกลางและสิ่งของตรวจยึดข้างต้น จึงได้ทำการจับกุมและนำส่งพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม เวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 6 ราย คือนายโสภา อายุ 44 ปี นายจิรพงศ์ อายุ 23 ปี นายทนง อายุ 19 ปี นายณัฐพงษ์ อายุ 22 ปี น.ส.ภัชราภรณ์อายุ 22 ปี น.ส.กัลยกร อายุ 21 ปี ข้อหาอั้งยี่และซ่องโจร, มีซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และพกพาอาวุธ (ดิ้ว) (ผู้ต้องหาที่ 1), อั้งยี่และซ่องโจร (ผู้ต้องหาที่ 2,3,6) และ อั้งยี่และซ่องโจร, มีซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ (ผู้ต้องหาที่ 4,5) ของกลางและสิ่งของตรวจยึด ปลอกเสื้อเกราะแบบผ้า 1 ชุด เข็มขัดสนาม 2 เส้น กระเป๋าสะพายเป้สีดำ 1 ใบ หน้ากากป้องกันแก๊ส 2 ชุด วิทยุสื่อสาร (ว.แดง) 5 ตัว กระเป๋าสะพายเป้สีดำ 1 ใบ หนังสติ๊ก 1 อัน หัวน๊อต 11 ตัว ลูกแก้ว 8 ลูก ลูกดิน 3 ลูก พลุควันสีแบบดึงสลัก 5 อัน ดิ้ว 1 อัน

Advertisement

พฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับทราบจากผู้บังคับบัญชาว่า ได้รับข้อมูลการสืบสวนหาข่าวจากตำรวจสันติบาลว่ามีกลุ่มคณะบุคคลเรียกตัวเองว่า กลุ่ม WEVO มีนายปิยรัฐ หรือโตโต้ จงเทพ เป็นหัวหน้าซึ่งกลุ่มคณะบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์ชุมนุมมั่วสุมกัน ปกปิดวิธีการดำเนินการเพื่อกระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมาย กล่าวคือ มีการซ่องสุม ฝึกกำลังพล และแฝงตัวมาในกลุ่มผู้ชุมนุมในรูปของการ์ด อาสาสมัคร แต่ก็จะใช้ช่องโอกาสทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและสร้างสถานการณ์โดยใช้อาวุธจำพวก หนังสติ๊ก ลูกเหล็ก ระเบิดควัน สิ่งของสกปรกเช่นน้ำปลาร้า และวัตถุอื่นซึ่งใช้เป็นอาวุธได้ก่อเหตุสร้างความวุ่นวายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความสงบเรียบร้อยในการดูแลการชุมนุม และสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับการสร้างสถานะการณ์ในการชุมนุม ร่วมกันทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสร้างความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยแจ้งว่ากลุ่มดังกล่าวจะมีการนัดหมายรวมตัวกันในวันที่ 7 สิงหาคม เวลาประมาณ 13.00 น.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ต่อมาได้รับทราบจากผู้บังคับบัญชาว่า ได้มีรถยนต์ตู้ สีขาว คันหมายเลขทะเบียน บฉ-2068 สมุทรสาคร และรถยนต์โตโยต้า วิช คันหมายเลขทะเบียน ชผ 3408 กรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นรถขอการ์ด WEVO จอดอยู่ภายในลานจอดรถของวัดมหรรณพารามวรวิหาร ถนนตะนาว แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ จึงได้นำกำลังไปทำการตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบพบของกลางและสิ่งของตรวจยึดข้างต้น จึงได้ทำการจับกุมและนำส่งพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.อคฝ. ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย คือ นายธีรวิช อายุ 24 ปี และนายนิรุฒน์ อายุ 33 ปี ข้อหา ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

พฤติการณ์ พฤติการณ์แห่งการจับกุม ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าตำรวจที่ชุดจับกุมได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการในการควบคุมการชุมนุมโดยผิดกฎหมายที่บริเวณบนถนราชดำเนินกลางฝั่งหน้าร้านแมคโดนัลด์) อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร จนถึงเวลาประมาณ 13.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 20 คน ยืนอยู่หน้าแนว จึงได้ประกาศว่าให้เลิกการชุมนุมเนื่องจากเป็นการขัดต่อกฎหมาย พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 1(2) ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2563 ข้อ 3 โดยร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมในสถานที่แออัด ภายในเขตพื้นที่ที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงประกาศกำหนด, ตามประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรมการมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่9) ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2564 ข้อ” โดยร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพรโรค ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หลังจากที่ประกาศเตือนไปได้มี นายนิรุฒน์ และ นายธีรวิชไม่ยอมแยกย้ายตามคำสั่งเจ้าพนักงาน จึงได้เข้าทำการจับกุมบุคคลทั้งสอง พร้อมทั้งแจ้งให้ทั้งสองทราบว่า การกระทำของทั้งสองเป็นการกระทำความผิดกฎหมายดังกล่าวข้างตน จึงได้ควบคุมตัวทั้งสอง ส่ง สน.สำราญราษฎร์ เพื่อดำเนินการต่อไป

Advertisement

คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม เวลาประมาณ 18.23 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.6 ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย คือ นายลำไย อายุ 44 ปี ข้อหาร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนร่วมกันมากกว่าห้าคน ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และร่วมชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

พฤติการณ์ ก่อนทำการจับกุมผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ขับขี่รถเครื่องขยายเสียงและอุปกรณ์การปราศรัยที่ใช้ในการชุมนุม วันที่ 7 สิงหาคม 2564 โดยเป็นรถยนต์กระบะ สีแดง คันหมายเลขทะเบียน ฒต 602 กรุงเทพมหานคร และเมื่อเวลาประมาณ 11.16 น. ของวันที่ 7 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้พบรถยนต์กระบะคันดังกล่าวเข้าร่วมการชุมนุม ต่อมาเวลาประมาณ 18.00 น. แกนนำได้ประกาศยุติการชุมนุม ผู้ต้องหาจึงขับรถคันดังกล่าวออกจากที่ชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ติดตามและทำการตรวจค้นจับกุม

คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม เวลาประมาณ 18.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย นายวิชพรรษ อายุ 21 ปี พร้อมด้วยของกลาง รถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำตาล คันหมายเลขทะเบียน 1 นข-4491 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน พร้อมกุญแจ และเครื่องขยายเสียง จำนวน 1 ชุด ข้อหาร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนร่วมกันมากกว่าห้าคน ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และร่วมชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

พฤติการณ์ ก่อนทำการจับกุมผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการสืบสวนติดตามจับกุม ผู้ขับขี่รถเครื่องขยายเสียงและอุปกรณ์ที่ใช้ในการชุมนุม วันที่ 7 สิงหาคม โดยเป็นรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำตาล คันหมายเลขทะเบียน 1 นข-4491 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์ตู้ของนายปิยรัฐ หรือโตโต้ จงเทพ หัวหน้ากลุ่มการ์ด We Volunteer โดยเมื่อเวลาประมาณ 16.45 น. ของวันที่ 7 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้พบรถยนต์ตู้คันดังกล่าวเข้าร่วมการชุมนุมอยู่ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร จึงได้ติดตามและทำการจับกุมผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีต่อไป

คดีที่ 6 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม เวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย คือนายณัฎฐ์ อายุ 20 ปี และน.ส.พิชยา อายุ 30 ปี ข้อหาร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนร่วมกันมากกว่าห้าคน ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และร่วมชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

พฤติการณ์ ก่อนทำการจับกุมผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ขับขี่รถขนอุปกรณ์ที่ใช้ในการชุมนุม และเป็นรถรับส่งกลุ่มผู้ที่มาร่วมชุมนุมวันที่ 7 สิงหาคม โดยเป็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ นิสสัน รุ่นนาวาร่า สีชมพู คันหมายเลทะเบียน 2ฒห 1846 กรุงเทพมหานคร โดยเมื่อเวลาประมาณ 17.19 น. ของวันที่ 7 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้พบรถยนต์กระบะคันดังกล่าวเข้าร่วมการชุมนุมและคอยรับส่งผู้ที่มาเข้าร่วมการชุมนุมอยู่ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ติดตามและทำการตรวจค้นจับกุม จากการสอบถามนายณัฎฐ์ ลมเชย ให้การยอมรับว่า ได้มีนายสุรกัณฑ์ ชูดำ เป็นผู้ว่าจ้างให้นำรถเข้าไปรับส่งผู้ชุมนุมโดยว่าจ้างเป็นเงิน 1,200 บาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image