หมอเณร นำผลรักษา 50 ผู้ป่วยด้วยยาสมุนไพร ยื่นศาลปค.สูงสุด หลังกรมแพทย์แผนไทยอุทธรณ์

เมื่อวันที่ 27 กันยายน  ที่ศาลปกครอง ถนนเเจ้งวัฒนะ นายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนไทย และเจ้าของสวนสมุนไพรไทย นำประวัติและผลการรักษาผู้ป่วยโควิด ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคหัวใจ จำนวน 50 ราย เข้ายื่นเป็นหลักฐานเพิ่มเติมต่อศาลปกครองสูงสุด กรณีก่อนหน้านี้ยื่นฟ้อง กระทรวงสาธารณสุข กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ฐานละเลยต่อหน้าที่ ไม่ออกใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนไทย และรับรองสูตรตำรับยาสมุนไพรให้แก่นายชัยรัตน์

และศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563 ให้กรมแพทย์แผนไทยพิจารณาคำขอจดทะเบียนสิทธิในภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยของนายชัยรัตน์ และแจ้งผลการพิจารณาให้นายชัยรัตน์ทราบ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่กรมแพทย์แผนไทยได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด

นายชัยรัตน์ กล่าวว่า การที่กรมแพทย์แผนไทยยื่นอุทธรณ์ ทำให้คิดว่าผลการรักษาจะเป็นเครื่องยืนยันว่า ยาสมุนไพรสร้างไฟธาตุของตนเป็นยาสร้างภูมิคุ้มกันตัวจริง สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายได้จริงจึงได้นำมายื่นต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อประกอบการพิจารณา โดยผลการรักษาผู้ป่วยทั้ง 50 รายดังกล่าวที่อาการรุนแรงเชื้อลงปอด ใส่ท่อออกซิเจน และบางรายอาการไม่รุนแรง เมื่อรับประทานยาสมุนไพรเข้าไปเพียงไม่กี่วัน อาการก็ดีขึ้นตามลำดับและหายในที่สุด ส่วนผู้ป่วยเบาหวาน มีแผลเน่าที่เท้าแพทย์แผนปัจจุบัน เห็นว่าจะต้องตัดขา แต่พอทานยาสมุนไพรสร้างไฟธาตุ แผลก็จะค่อย ๆ แห้งและหายเป็นปกติ

“ทั้ง 50 คนนี้พร้อมที่จะมาให้การเป็นพยานต่อศาล ประวัติการรักษา หลักฐานการตรวจเชื้อทั้งก่อนหลังการรักษา นำมาให้ศาลทั้งหมด จริง ๆ ช่วงโควิดระบาด หนักๆ ที่ผ่านมา ผมรักษาคนป่วยเป็นร้อยๆ คน ตอนนี้ก็ยังรักษาอยู่ แต่เขาไม่ยอมที่จะเปิดเผยตัว แต่ 50 คนนี้พร้อม ผมจึงต้องนำมายื่นเป็นหลักฐานต่อศาล” นายชัยรัตน์ระบุ

Advertisement

นายชัยรัตน์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ใหญ่บ้านในอ.ละอุ่น จ.ระนอง มาขอยาสมุนไพรของตนไปรักษาลูกบ้าน 25 รายที่ติดเชื้อโควิด แทนการใช้ยาแผนปัจจุบันเพราะมีญาติพี่น้องติดโควิดและใช้ยาแผนปัจจุบันรักษาแล้วไม่หายเสียชีวิตหลายราย เมื่อผู้ป่วยทั้งหมดรับประทานยาสมุนไพรของตนเองต่างก็ค่อยๆ หายและกลับมาแข็งแรงเป็นปกติ ไม่เหมือนกับบางคนที่ใช้ยาแผนปัจจุบันรักษา ที่หายแล้ว จะยังมีอาการอ่อนเพลีย ไม่แข็งแรง และบางคนก็กลับมาติดเชื้อใหม่ ดังนั้นจึงอยากให้ภาครัฐหันมาส่งเสริมให้ใช้ยาสมุนไพร เป็นทางเลือกในการรักษา ซึ่งข้อมูลหลักฐานทั้งหมดตนก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของศาล ทำให้พิจารณาคดีได้รวดเร็วขึ้น ประชาชนก็จะได้มีทางเลือกในการรักษาในการรักษาโรค

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image