ศาลฎีกาลดโทษ ‘แม่หมอนิ่ม’ เหลือจำคุก 25 ปี จ้างวานฆ่า ‘เอ็กซ์’ หมอนิ่มรอดคุก ยืนประหารทนายอี๊ด

ปิดคดีฆ่า ‘เอ็กซ์ จักรกฤษณ์’ อดีตมือปืนทีมชาติ ศาลฎีกาพิพากษาแก้ลดโทษ ‘แม่หมอนิ่ม’ เหลือจำคุก 25 ปี จ้างวานมือปืนลั่นกระสุนฆ่าคารถหรูเมื่อปี 56 ชี้สุดทนแค้นสะสมมานาน ‘เอ็กซ์’ ชอบลงมือซ้อมลูกสาวแม่คนเดียว ตีหลานเจ็บ ชดใช้ค่าเสียหายให้พ่อแม่เอ็กซ์ 2.5 ล้าน ขณะที่ ‘หมอนิ่ม’ รอดคุก ส่วนมือปืน-คนขี่ จยย.โทษจำคุกตลอดชีวิตเหมือนเดิม ขณะที่ ‘ทนายอี๊ด’ คนจัดหามือปืน ศาลสั่งประหารไว้แต่ยังหนีลอยนวล

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ศาลอาญามีนบุรี ถนนสีหบุรานุกิจ ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีความผิดต่อชีวิต จ้างวานฆ่า เอ็กซ์-จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ หมายเลขดำ อ.383/57 ที่อัยการศาลจังหวัดมีนบุรี และนายมานพ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ บิดา เป็นโจทก์ร่วมฟ้อง นายจีรศักดิ์ หรือจี กลิ่นคล้าย อายุ 50 ปี มือปืนผู้ลั่นกระสุน ที่ 1 น.ส.สุรางค์ ดวงจินดา อายุ 79 ปี มารดา พญ.นิธิวดี ที่ 2 พญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม ภู่เจริญยศ อายุ 45 ปี ที่ 3 นายสันติ หรืออี๊ด ทองเสม อายุ 35 ปี ทนายความที่ 4 และนายธวัชชัย หรืออ้น เพชรโชติ อายุ 38 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์ ร่วมกันเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ, จ้างวานฆ่าผู้อื่นฯ พ.ร.บ.อาวุธปืน ขณะที่นางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม มารดาเอ็กซ์ จักกฤษณ์ ได้ยื่นคำร้องขอให้พวกจำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 4.4 ล้านบาทด้วย

โดยโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือน ส.ค. -19 ต.ค.56 จำเลยที่ 2-4 ร่วมกันจ้างวานให้จำเลย 1 กับพวกที่หลบหนี ใช้อาวุธปืนยี่ห้อลูเกอร์ รุ่นโตโกเรฟ ขนาด 7.62 มม.ฆ่านายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ ตามร่างกายหลายนัด ขณะอยู่บนรถยนต์หรูยี่ห้อปอร์เช่ สีดำ จนถึงแก่ความตาย บริเวณหน้าวัดบางเพ็งใต้ ถนนสุขาภิบาล 3 (รามคำแหง) แขวงและเขตมีนบุรี กทม. ก่อนพากันหลบหนีไป

ชั้นสอบสวนและชั้นศาล พญ.นิธิวดี น.ส.สุรางค์ มารดา และนายสันติ ทนายความ ให้การปฏิเสธ

ต่อมาวันที่ 19 ธ.ค.59 ศาลจังหวัดมีนบุรี (ขณะนั้น) ได้อ่านคำพิพากษาให้ประหารชีวิตสถานเดียว พญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม จำเลยที่ 3 และนายสันติ หรือทนายอี๊ด จำเลยที่ 4 ฐานร่วมกันใช้จ้างวานฆ่าผู้อื่น ขณะที่จำเลยที่ 1 และ 5 มือปืน และคนขี่ จยย. ให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วน น.ส.สุรางค์ มารดาหมอนิ่ม พิพากษายกฟ้อง และให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3-5 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 2.5 ล้านบาทแก่ผู้ร้องด้วย

Advertisement

ต่อมา ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ พญ.นิธิวดี ประกันตัว 2.5 ล้านบาท ระหว่างอุทธรณ์ โจทก์และจำเลยต่างยื่นอุทธรณ์

ต่อมา วันที่ 7 ส.ค.61 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 แต่ให้ลงโทษประหารชีวิต น.ส.สุรางค์ มารดา ฐานใช้จ้างวานให้ฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 เนื่องจากศาลเห็นว่า น.ส.สุรางค์ ยังโกรธแค้นที่ผู้ตายมักทำร้ายร่างกาย พญ.นิธิวดี ซึ่งเป็นบุตรสาวคนเดียว และทำร้ายหลานสาวได้รับบาดเจ็บหลายครั้งหลายหน และเชื่อว่าผู้ตายไม่สามารถแก้ไขพฤติกรรมได้

ทั้งนี้ คำให้การของ น.ส.สุรางค์ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกตลอดชีวิต

ส่วน พญ.นิธิวดี ศาลเห็นว่ายังมีความรักใคร่ผู้ตาย โดยระหว่างที่เกิดเรื่องก็ยังเคยมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งเคยพาบุตรสาวไปเยี่ยมที่เรือนจำทหาร และไม่คัดค้านการประกันตัวผู้ตายของศาลทหารที่ทำร้ายร่างกายหมอนิ่มคดีเสพยาเสพติดด้วย

และให้จำเลยที่ 1, 2, 4 และ 5 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีให้กับโจทก์ร่วมและผู้ร้องด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ต่อมา ศาลอนุญาตให้ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท

นายจิรศักดิ์ หรือจี มือปืนจำเลยที่ 1 และ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ยื่นฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ฎีกาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ที่ต่อสู้ในประเด็นการร่วมจำเลยที่ 4 และที่ 5 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเสร็จให้กับโจทก์ร่วมและผู้ร้องนั้น “ฟังไม่ขึ้น” ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมชดใช้ตามจำนวนดังกล่าวนั้นชอบด้วยเหตุผลแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย และฎีกาข้ออื่นที่ต่อสู้ประเด็นการรับฟังคำให้การพยานที่มาลงโทษจำเลย “ก็ฟังไม่ขึ้น”

ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 มานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพฤติการณ์การกระทำผิดของ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแม่ยายผู้ตาย ศาลฎีกาเห็นว่าเกิดจากการที่ผู้ตายกระทำต่อ พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรคนเดียวของจำเลยที่ 2 ครั้งแล้วครั้งเล่า และบางครั้งยังกระทำต่อหน้าหลานเล็กๆ ของจำเลยที่ 2 อีก อันเนื่องมาจากปัญหาการควบคุมอารมณ์ของผู้ตาย โดยก่อนเกิดเหตุมีความไม่แน่นอนว่าผู้ตายซึ่งเป็นนักกีฬายิงปืน มีอาวุธปืน อาจใช้อาวุธปืนของตนกระทำต่อจำเลยที่ 3 และครอบครัวในขณะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็เป็นได้ เพราะก่อนเกิดเหตุเพียง 2 เดือน ผู้ตายยังใช้อาวุธปืนยิงไปทางคนรับใช้และบุตรคนเล็ก จนผู้ตายถูกจับและถูกควบคุมตัวที่เรือนจำและเพิ่งได้รับการประกันตัวมาไม่นาน

การกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ที่ขณะเกิดเหตุเป็นหญิงมีอายุถึง 72 ปี และบัดนี้มีอายุเกือบ 80 ปีแล้ว และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงเข้าลักษณะของผู้กระทำความผิดที่ตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ที่ศาลอาจลดโทษได้ให้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 ในการลดโทษประหารชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการลดมาตราส่วนโทษ หรือลดโทษที่จะลง ให้ลดดังต่อไปนี้

โดยถ้าจะลดกึ่งหนึ่งให้ลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษจำคุกตั้งแต่ 25 ปี ถึง 50 ปี ที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 เพียงหนึ่งในสาม และคงจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิต ด้วยเหตุเพียงคำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลฎีกายังไม่เห็นพ้องด้วย เห็นควรลดโทษให้จำเลยที่ 2 อีก

ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้เป็นว่า คำให้การชั้นสอบสวนของ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาและกระทำความผิด เพราะตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image