เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ตุลาคม ที่ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง (สน.ทุ่งสองห้อง) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศพดส.ตร.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. รองผอ.ศพดส.ตร. พร้อมองค์กรเอ็นจีโอ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (พงส.ปคม.) และเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนศพดส.ตร. ได้เดินทางเข้าร่วมกันสังเกตการณ์และซักปากคำผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์และเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หลังจากนั้นได้แถลง
กรณีแรก สืบเนื่องมาจากกรณีที่ได้มีนายหน้าหลอกลวงคนไทยไปทำงานที่เมืองพระสีหนุ กัมพูชา แต่เมื่อไปถึงเหยื่อได้ถูกทำร้าย บังคับ ข่มขู่ ให้โทรศัพท์มาหลอกลวงคนไทยให้ลงทุนในการลงทุนที่ไม่มีอยู่จริง ให้เหยื่อทำหน้าที่คอลล์เซนเตอร์ให้แก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกจีบคนไทยให้หลงรัก ก่อนหลอกให้โอนเงิน โดยผู้ก่อเหตุอ้างว่าเหยื่อติดหนี้ที่ใช้ในการดำเนินการและการเดินทาง จึงต้องทำงานชดใช้หนี้ โดยเหยื่อดังกล่าวได้ออกมาขอความช่วยเหลือตามสื่อโทรทัศน์และโซเชียลมีเดีย โดยเหยื่อได้ร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยราชการไทยให้ช่วยเหลือเดินทางกลับประเทศไทย นั้น
ต่อมาพ.ต.อ.เขมรินทร์ พิสมัย หัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวน พร้อมพวก ทำการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานในกรณีดังกล่าว จนสามารถออก หมายจับเครือข่ายผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 10 ราย ประกอบด้วยผู้ต้องหาชาวจีนจำนวน 4 ราย, ผู้ต้องหาชาวกัมพูชาจำนวน 4 ราย และผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 2 ราย ต่อมาได้จับกุม น.ส.อุบลรัตน์ พุฒิไพรสกุล อายุ 22 ปี 2.น.ส.เทียนพ่ง แช่หลี่ อายุ 28 ปี
โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองได้ในพื้นที่ สภ.ฝาง และสภ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ได้ประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่ กัมพูชา เพื่อให้ความช่วยเหลือเหยื่อคนไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้น ตำรวจพบว่ามีเหยื่อทั้งหมด15-20 ราย บางรายถูกกักขังถึง 4-5 เดือน โดยเหยื่อแต่ละคนอยู่อย่างยากลำบาก อยู่ในขั้นตอนการทำเอกสารเพื่อขอรับตัวเหยื่อคนไทยกลับประเทศไทยต่อไปขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ต้องหาที่เหลือ 8 รายมาดำเนินคดี และจะทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อยึดทรัพย์ต่อไป
พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า อีกกรณีทางการมาเลเซียโดยสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยได้มีการร้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศขอให้ทางการไทยส่งตัวบุคคลสัญชาติไทยจำนวน 9 รายที่เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ฐานความผิดลักลอบนำเข้าแรงงานต่างชาติ และล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมได้ทำการจับกุมผู้ต้องหากรณีดังกล่าวแล้ว1ราย นายเจ๊ะปา ลาปีดี อายุ 54ปี โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนย้ายแรงงานโดยผิดกฎหมายในมาเลเซียเมื่อปี 2558 และเชื่อว่ามีการทารุณกรรมแรงงานชาวโรฮิงญาด้วยการเฆี่ยนตี จนบางรายถึงแก่ความตาย เพราะมีการตรวจพบหลุมศพ30หลุมและคาดว่าถูกใช้ในการฝังศพของผู้ลักลอบเข้าเมือง โดยผิดกฎหมายที่เสียชีวิตที่นี่ห่างจากบริเวณที่พักชั่วคราวดังกล่าวไปเพียง 100 เมตร โดยพนักงานอัยการสูงสุดของไทยได้ยื่นคำร้องขอหมายจับแล้วเพื่อส่งให้ทางการมาเลเซียดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ นายเจ๊ะปา ลาปีดี อายุ 54 ปีบุคคลตามหมายจับของศาลอาญาที่ 232/2564 ลงวันที่ 16 มิ.ย.64 โดยผู้ต้องหารายดังกล่าวเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ทางการมาเลเซียต้องการตัวเพื่อกลับไปดำเนินคดีในฐานความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้าแรงงานต่างชาติ ตามที่ศาลกางาร์ รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเชีย ได้ดำเนินการออกหมายจับไว้ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.59 จากเหตุการณ์ที่ผู้ต้องหาทั้ง 9 รายได้กระทำความผิดดังกล่าวไว้เมื่อปี 2558 ซึ่งมีการลักลอบขนย้ายแรงงานชาวโรฮิงญาเข้ามาควบคุมไว้ ณ ที่พักชั่วคราวในเขตวังเกลียน รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย โดยแรงงานชาวโรฮิงญาเหล่านี้ถูกทารุณกรรมด้วยการเฆี่ยนตี จนบางรายถึงแก่ความตายโดยทางการมาเลเซียได้มีการตรวจพบหลุมศพห่างจากบริเวณที่พักชั่วคราวดังกล่าวเพียง 100 เมตร จำนวนมากถึง 30 หลุมซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นหลุมที่ถูกใช้ในการฝังศพของผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายที่เสียชีวิตที่นี่ หลังเกิดเหตุทางการมาเลเซียได้รับรายงานว่า ผู้ต้องหาทั้ง 9 รายได้หลบหนีการจับกุมเข้ามาในประเทศไทย จึงได้มีการประสานขอความร่วมมือให้ทางการไทยส่งตัวผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน โดยหลังจากนี้จะได้ดำเนินการประสานงานกับทางการมาเลเชียเพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องมีการสอบสวนต่อว่าเป็นเครือข่ายเดียวกับ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบกซึ่งเป็นจำเลยสำคัญในคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา และถูกคุมขังหลังถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 82 ปี หรือไม่ และยืนยันว่าจะเร่งรัดติดตามขบวนการลับลอบค้ามนุษย์อีก 8 รายให้ได้ จากการขยายผลจากนายเจ๊ะปาที่เป็นหัวหน้าขบวนการที่มีหน้าที่ในการผสานงาน และควบคุมคน โดยใช้ชายแดนไทยช่องทางธรรมชาติเป็นทางผ่านไปยังประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ยืนยันว่าจะต้องมีการสืบสวนขยายผลของทั้ง 2กรณีต่อไปเพื่อตัดวงจรและปราบปรามการค้ามนุษย์ในประเทศไทยอย่างจริงจัง