ทนายรณณรงค์ พร้อมเหยื่อแอร์ฯสาวร้อง ตร.ภ.1 จี้คดีสามีเพื่อนแอบถ่ายคลิปในห้องน้ำ

ทนายรณณรงค์ พร้อมเหยื่อแอร์ฯสาวร้องตำรวจภาค 1 เหตุถูกสามีเพื่อนติดกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำ คดีไม่คืบหน้า

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ พาผู้เสียหาย 11 คน ที่ถูกสามีเพื่อนแอบติดตั้งกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำ โดยผู้เสียหายประกอบด้วย แอร์โฮสเตส 7 คน และเด็ก 4 คน เข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.นราเดช ทิพยรักษ์ รอง ผบช.ภ.1 เพื่อขอให้เร่งดำเนินคดีกับชายคนที่ตั้งกล้องแอบถ่าย เนื่องจากกลัวว่าคดีจะล่าช้า และคลิปที่ถูกแอบถ่ายจะโผล่บนโลกออนไลน์

ผู้เสียหายรายหนึ่งเล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า พวกตนทราบเรื่องแอบถ่ายจากการทะเลาะกันระหว่างสามีกับเพื่อน จึงไปค้นโทรศัพท์มือถือจนพบคลิปแอบถ่ายญาติ ซึ่งไปมาหาสู่กันตลอด รวมถึงใช้ห้องน้ำในบ้านของผู้ก่อเหตุเป็นประจำ ตนจึงเค้นถามผู้ก่อเหตุจนรับสารภาพว่าแอบถ่ายพวกตนจริง วิธีการคือตั้งกล้องโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในห้องน้ำที่บ้าน โดยตนรู้จักกับผู้ก่อเหตุมานานถึง 10 ปี เนื่องจากเป็นสามีของเพื่อน ไม่คิดว่าจะก่อเหตุเช่นนี้ได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงไม่เคยมีพฤติกรรมที่ส่อไปในเรื่องเพศหรือการลวนลามพวกตน ซึ่งจากนี้พวกตนคงไม่กล้าใช้ห้องน้ำสาธารณะ เพราะกลัวว่าจะถูกแอบถ่ายและมีภาพหลุดออกไป

ส่วนผู้ก่อเหตุ เมื่อรู้ตัวว่าถูกจับได้จึงไปทำลายคลิปหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมด ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกังวลว่าหากไม่สามารถกู้คืนคลิปได้จะทำให้ผู้ก่อเหตุไม่ถูกดำเนินคดีและก่อเหตุซ้ำ รวมถึงคลิปของตนอาจหลุดไปโลกออนไลน์ได้

Advertisement

ด้านทนายรณณรงค์กล่าวว่า ได้แจ้งความที่ สภ.บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการแล้ว ทว่าคดีความกลับไม่คืบหน้า เพราะผู้ถูกกล่าวหาทำการลบคลิปหลักฐานไปหมด ซึ่งไม่เพียงแค่กรณีนี้ แต่ยังมีอีกหลายกรณีที่เกิดการแอบถ่าย และผู้ก่อเหตุไหวตัวทันลบคลิป ทำให้มีหลักฐานไม่เพียงพอจะเอาผิด พนักงานสอบสวนจึงไม่ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ หรือดำเนินคดีความผิดลหุโทษเท่านั้น ทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะผู้ก่อเหตุสามารถก่อเหตุซ้ำได้ จึงมาร้องเรียนกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อสร้างมาตรฐานและความเชื่อมั่นว่าหากเกิดการแอบถ่ายจะเร่งติดตามคลิปหลักฐานและผู้ก่อเหตุมาสอบสวนโดยเร็ว

พล.ต.ต.นราเดชกล่าวถึงการสอบถามตำรวจเจ้าของคดีได้ใจความว่า เหตุเกิดที่ทาวเฮาส์ของเพื่อนผู้เสียหาย และผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือในการแอบถ่าย ส่วนคลิปที่ถ่ายนั้นเอาไว้ดูเล่นเอง ไม่เคยส่งให้ใคร และทำการลบคลิปไปหมดแล้ว แต่ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากของกลางที่ผู้ถูกกล่าวหานำมามอบให้นั้น ประกอบด้วยโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง, กล้องขนาดเล็ก และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง ขณะนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการนำโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ไปกู้ข้อมูลดังกล่าวกลับมา หากพบภาพที่มีการแอบถ่ายจะดำเนินคดีในข้อหาอนาจาร ทั้งในวันนี้ยังได้สั่งการให้ตำรวจออกหมายค้นบ้านของผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติม จากการตรวจสอบประวัติของผู้ถูกกล่าวหาแล้วไม่พบประวัติการถูกดำเนินคดีมาก่อน แต่พบว่ามีพฤติกรรมแอบถ่ายญาติผู้หญิงของตนมาก่อนที่บ้านต่างจังหวัด ทว่าผู้เสียหายรายดังกล่าวไม่เอาความ จึงทำให้ไม่ถูกดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image