ผบช.ภ.7 ลั่น ขัดขืน-สู้ ใช้มาตรการเด็ดขาด ผบ.เรือนจำโต้ใบเลื่อย 1 แสน ไม่จริง
กรณีมีผู้ต้องขังชาย 9 นาย แหกหักเรือนจำชั่วคราว เรือนจำกลางนครปฐม ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือของเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ต.ทุ่งน้อย อ.เมือง จ.นครปฐม หลบหนีออกมา ต่อมาสามารถควบคุมตัวได้แล้ว 5 นายนั้น
เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 12 ธันวาคม ที่ สภ.สามควายเผือก อเมือง จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) เป็นประธานประชุมสรุปแนวทางการติดตามสืบสวนหาข่าว ไล่ล่าผู้ต้องขังชายที่ยังหลบหนีอยู่ทั้งสิ้น 4 นายคือ 1.ข.ช.บำรุง วงศ์สว่าง 2.ข.ช.พานิช บัวสร 3.ข.ช.พัชรวุฒิ มูลทองสงค์ และ 4.ข.ช.จำรูญ คล้ายสุบรรณ มีนายวรชัย อารักษ์รัตน์ ผู้บังคับบัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พล.ต.ต.วิสิทธิ์ สิริสหวัฒน์ ผบก.พฐ.7 พ.ต.อ.พงศษ์สวัสดิ์ คำปาเชื้อ รอง ผบก.ภจว.นครปฐม (ดูแลงานสอบสวน) พ.ต.ต.จารุวรรณ โล่ห์เรียง นักวิทยาศาสตร์ (สบ2) ศ.พฐ.7 พ.ต.อ.นฤพนธิ์ วานิชนุเคราะห์ ผกก.สภ.สามควายเผือก และทีมเฉพาะกิจไล่ล่าผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดนครปฐม ข้อหาความผิดฐาน ร่วมกันหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจศาลโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป และกระทำด้วยประการใดเข้ามาครอบครอง, ใช้ในเรือนจำซึ่งสิ่งของต้องห้าม (เลื่อยเหล็ก ซึ่งเป็นเครื่องมืออันเป็นอุปกรณ์ในการหลบหนี
โดยควบคุมตัวตามหมายจับมาแล้ว 5 นาย คือนายวัชระ มะโนมั่น อายุ 28 ปี หมายจับเลขที่ จ.353/2564 นายเอกราช แป้งกลั่น อายุ 18 ปี หมายจับเลขที่ จ.349/2564 นายวีรเชษฐ์ เทพชู อายุ 28 ปี หมายจับเลขที่ จ.354/2564 นายนัถกร มาตรวังแสง อายุ 24 ปี หมายจับเลขที่ จ.348/2564 และนายไพฑูรย์ มีคลองแบ่ง อายุ 36 ปี หมายจับเลขที่ จ.351/2564
พล.ต.ท.ธนายุตม์กล่าวก่อนประชุมว่า ขณะนี้มีชุดเฉพาะกิจที่เป็นการบูรณาการกันระหว่างตำรวจ ราชทัณฑ์ ฝ่ายปกครอง เพื่อติดตามไล่ล่าผู้ต้องขังชายที่ยังหลบหนีอีก 4 นาย ให้ครบจำนวน 9 นาย โดยแบ่งงานและมอบหมายกันทำงานชัดเจน และ/หรือหากผู้ต้องขังชายที่หลบหนีอยู่มีทีท่าขัดขืน ต่อสู้ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเบาไปหาหนักตามกฎหมาย โดยชุดอินทรีย์ 7 ร่วมกับชุดเฉพาะกิจราชทัณฑ์ เป็นชุดหลักในการไล่ล่า
พล.ต.ท.ธนายุตม์กล่าวว่า ฝากถึงประชาชนที่พบเห็นคนแปลกหน้า ที่ไม่รู้จัก ไม่ใช่บุคคลในพื้นที่ ให้แจ้งตำรวจ 191 หรือฝ่ายปกครองในพื้นที่เพื่อเข้าไปตรวจสอบ และอย่าให้การช่วยเหลือ ให้ที่พัก ปิดบังซ่อนเร้น ผู้ต้องขังชายทั้ง4 นายเด็ดขาด เพราะท่านจะมีความผิดได้ เนื่องจากบุคคลทั้ง 4 นายเป็นผู้ต้องหาที่กระทำความผิด อยู่ระหว่างการหลบหนี
“ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าไม่ต้องกังวลในเรื่องความปลอดภัย และ/หรือเกรงจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากเราทราบพิกัดของผู้ต้องหาที่หลบหนีแล้ว และไม่ได้กำหนดขอบเขตเวลาการจับกุม อันจะเป็นการกดดันน้องๆ ที่ลงพื้นที่ทำงาน เราอยากให้มุกคนทำงานด้วยความสบายใจ เต็มที่ และปลอดภัย แต่คดีนี้ได้เน้นให้เร่งรัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ได้สั่งการให้ทั้ง 104 สถานี ใน 8 จังหวัดและกองสืบให้ขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด” พล.ต.ท.ธนายุตม์กล่าว
พล.ต.ท.ธนายุตม์กล่าวต่อว่า ขณะนี้กระบวนการสอบสวนอยู่ในขั้นตอนของการสอบว่าใครเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดอีกบ้างนอกจากผู้ต้องขังชายทั้ง 9 นาย ซึ่งทางราชทัณฑ์ โดยผู้บัญชาการเรือนจำได้ให้ข้อมูลที่เป็นความลับ และขอสอบเชิงลึกในรายละเอียด และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 ได้เข้าเก็บพยานหลักฐาน ทางวิทยาศาสตร์เพื่อประกอบสำนวนการดำเนินดีนี้ให้ครบถ้วน และ/หรือหากการสอบสวนไปพบมีคนร่วมกระทำความผิดด้วยก็ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ซึ่ง ผบ.เรือนจำนรปฐมได้ให้ความร่วมมืออย่างดี และไม่มีการช่วยเหลือเด็ดขาด
นายวรชัยกล่าวว่า เรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อยแห่งนี้เป็นเรือนจำที่ใช้ขังผู้ต้องหากักตัว 21 วัน เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อเตรียมเข้าเรือนจำใหญ่ ซึ่งเรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อยมีข้อจำกัดในเรื่องสถานที่ และไม่มีเครื่องมือเอกซเรย์โลหะเหมือนเรือนจำใหญ่ อาจเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งของเล็ดลอดเข้าไปได้ทางช่องทางปกติ หรือช่องทางพิเศษ อย่างไรก็ตาม หากพบว่าผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งประชาชนทั่วไป หรือเจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
นายวรชัยกล่าวต่อว่า ส่วนเรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อยเป็นส่วนกักโรค 21 วันแรกจึงไม่มีการเยี่ยมญาติ ญาติเยี่ยมไม่ได้ อยู่ในพื้นที่จำกัด ส่วนข่าวลือว่าใบเลื่อยที่ใช้ก่อเหตุแหกกรงขังนี้ใบละ 100,000 บาทนั้นไม่จริง ทั้งนี้ จากการสอบสวนเวรยามแล้วพบว่าช่วงเปลี่ยนเวร ผู้ต้องขังชายยังอยู่ครบจำนวน คาดว่าหลังเวลา 01.10 น.เป็นต้นไปเป็นช่วงที่ผู้ต้องขังชายทั้ง 9 คนแหกกรงหลบหนีด้วยการใช้ใบเลื่อยเลื่อยเหล็กลูกกรงออกแล้วชวนกันหลบหนี
อ่านข่าวเพิ่มเติม
