สามี-ภรรยาแค้นหนัก บึ่งรถล่าทอมแสบ ‘โกงพระเครื่องดัง’ สูญเงินหลายล้าน

สองสามี-ภรรยา แค้นหนัก บึ่งรถล่าทอมแสบ จากมหาสารคามถึงพิษณุโลก หลังถูกโกง ‘พระเครื่องดัง’ สูญเงินหลายล้าน เหยื่อนับ 100

เมื่อวันที่ 23 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากนายพงศกร ปาสาเนย์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/147 ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม และ น.ส.เพชรวีร์ ศรีวิพัฒน์ อายุ 44 ปี สองสามีภรรยา พร้อมด้วย น.ส.วรรณภา วิสัย อายุ 35 ปี เพื่อน ถึงกรณีที่เดินทางมาจาก จ.มหาสารคาม ด้วยรถยนต์ เพื่อติดตามหญิงสาวทอมรายหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 4 ต.สมอแข จ.พิษณุโลก หลังจากก่อเหตุโกงเงินจองพระเครื่อง หลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน จ.นครสวรรค์ และพระเครื่องหลวงพ่อรวย ปาสาทิโก จ.พระนครศรีอยุธยา สูญเงินไปจำนวนกว่า 400,000 บาท

ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้ตั้งกลุ่มเพื่อรวบรวมเหยื่อที่ถูกทอมรายดังกล่าวหลอกโกงเงิน ทราบชื่อคือ น.ส.บีม (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายจากทั่วประเทศที่ถูกโกงเงินในลักษณะเดียวกันเกือบ 100 ราย รวมมูลค่าความเสียหายถึง 3,000,000 บาท ขณะนี้มีการตั้งกลุ่มให้ข้อมูลต่างๆ เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญในการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว

ด้าน นายพงศกร และ น.ส.เพชรวีร์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า มีอาชีพรับเช่าพระเครื่องเพื่อนำไปปล่อยให้ผู้ศรัทธา บูชาต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งมีลูกค้าที่สนใจติดต่อผ่านตนจำนวนมาก โดยทางคณะผู้จัดสร้างพระเครื่องได้แนะนำให้ตนจองพระเครื่องจาก น.ส.บีม เนื่องจากเป็นตัวแทนรับจองที่มีเครดิตดี และไว้ใจได้

Advertisement

จากนั้นจึงโอนเงินสั่งจองหลวงพ่อพัฒน์ รุ่นรวยเลื่อนสมณศักดิ์ ยอดเงิน 160,000 บาท และ สั่งจองเลสข้อมือ รุ่นเจดีย์กลางน้ำอีก 350 เส้น เป็นเงินประมาณ 200,000 บาท และเหรียญหลวงพ่อรวย รุ่นรวยพันล้าน ย้อนยุค 20,000 บาท โดยสั่งจองไปเมื่อวันที่ 3 ต.ค.2564  และโอนเงินให้ครั้งสุดท้ายวันที่ 13 ม.ค.2565 รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 400,000 บาท แต่หลังจากนั้น คณะกรรมการจัดสร้างพระเครื่องได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่ได้รับยอดจองพระเครื่องจาก น.ส.บีม และ สุดท้าย น.ส.บีมได้ปิดเฟซบุ๊กไป

พวกตนมั่นใจว่าถูก น.ส.บีม หลอกโอนเงินโกงพระเครื่องอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจเดินทางจาก จ.มหาสารคาม เพื่อมาแจ้งความที่ สภ.เมืองพิษณุโลก และเดินทางมาทวงเงินกับ น.ส.บีม ที่บ้านพักหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในซอยห่างจากถนนใหญ่เส้นบ้านดงข่อย หมู่ 4 ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก แต่ปรากฏว่าทางญาติแจ้งว่า น.ส.บีมไม่อยู่บ้านหลายวันแล้วและติดต่อไม่ได้ ไม่พร้อมให้ข้อมูลใดๆ กับพวกตน ด้วยความคับแค้นใจจึงไปซื้อลำโพง ซื้อเตาถ่าน ซื้อพริก ซื้อเกลือ มาจุดไฟเผาสาปแช่ง เปิดลำโพงเสียงดังคุยผ่านไมโครโฟนระบายความอัดอั้นครั้งนี้ โดยมีเพื่อนถือโทรศัพท์ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กไปด้วย มีผู้ชมที่เข้ามาให้กำลังใจและแชร์ต่อออกไปอีกนับพันแชร์

Advertisement

ขณะที่ชาวบ้านในละแวกข้างเคียงที่ได้ยินเสียงผ่านลำโพง ต่างออกมามุงดูและให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และให้ข้อมูลว่าเคยถูกญาติของ น.ส.บีม โกงเงินไปนับแสนบาท แต่สุดท้ายก็ทวงเงินคืนไม่ได้จนถึงทุกวันนี้อีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่สองสามีภรรยา ผู้เสียหาย กำลังระบายความอัดอั้นตันใจที่ถูกหลอกโกงเงินไปจำนวนหลายแสนบาท ปรากฏว่ามีชาวบ้านโทรศัพท์แจ้งตำรวจสายตรวจ ตำบลสมอแข เดินทางมาตรวจสอบทันที เข้าพูดคุยให้สงบสติอารมณ์ และให้เลิกกระทำการดังกล่าว เพราะอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทได้ และขอให้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

อย่างไรก็ดี ผู้เสียหายทั้งคู่ยินยอมงดใช้เสียงผ่านลำโพง แต่ยังนั่งไลฟ์สดระบายความอัดอั้นต่อไป นอกจากนี้ ยังวิงวอนขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือผู้เสียหายทั้งหมดที่ถูก น.ส.บีม หลอกโกงเงินเช่าพระเครื่องในครั้งนี้ พร้อมทั้งให้ตำรวจเร่งติดตามคดีโดยเร็ว เนื่องจากเกรงว่าอาจหลบหนีออกนอกพื้นที่แล้ว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image