เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายลักลอบจำหน่ายบุหรี่ปลอม ทำการ จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ได้แก่ น.ส.พรพิมล (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี และ น.ส.ไอยดา (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ที่ 20-21/2565 ลง 22 มีนาคม 2565 ข้อหา ร่วมกันจำหน่าย เสนอจำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้ในราชอาณาจักร, นายคมสันต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี และ น.ส.ศิริกัญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปีความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าฯ พร้อมของกลาง บุหรี่ปลอม 83,154 ซอง มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก บก.ปอศ. ได้รับร้องเรียนว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ปลอม ในพื้นที่ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี โดยลักลอบจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เนื่องจากบุหรี่ปลอม เป็นบุหรี่ที่ไม่มีการควบคุมคุณภาพการผลิต ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนของสารเคมีตกค้าง จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า ขบวนการดังกล่าวลักลอบนำบุหรี่ปลอมเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านบริเวณหน้าด่านบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี จากนั้นจะมีการนำบุหรี่ปลอมมาจำหน่ายผ่านช่องทางไลน์ และเฟซบุ๊ก เมื่อลูกค้าโอนเงินชำระค่าสินค้าให้กับเครือข่ายดังกล่าวแล้ว จะมีการจัดส่งบุหรี่ปลอมให้กับลูกค้าผ่านบริษัทขนส่งเอกชน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีผู้ร่วมขบวนการจำนวนหลายราย และมีเงินหมุนเวียนในเครือข่ายมากกว่า 50 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 23 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. ได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา และ หน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (HSI) นำกำลังลงพื้นที่ จับกุมเป้าหมาย 4 จุด จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ กล่าวว่า จุดสังเกตระหว่างบุหรี่จริงและบุหรี่ปลอม ต้องอาศัยการตรวจสอบที่บาร์โค้ด รวมถึงราคาที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นอกจากนี้ จะประสานไปยังกรมทรัพย์สินทางปัญญา ว่าบุหรี่ยี่ห้อใดที่มีการจดทะเบียนในไทยไว้บ้าง โดยสถานที่เป้าหมายที่พบของกลางปริมาณมากนั้นเปิดเป็นสำนักงานขนส่งเอกชน รวมถึงมีการนำของกลางไปซ่อนไว้ในป่าสวนลำไยอีกด้วย โดยบริษัทขนส่งเอกชนดังกล่าว ไม่มีส่วนรู้เห็นการกระทำความผิดแต่อย่างใด