ศาลอาญายกฟ้อง คุณหญิงกอแก้ว กับพวก คดี “เกษม ณรงค์เดช” ยื่นฟ้อง ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอมโอนหุ้น

ศาลอาญายกฟ้อง คุณหญิงกอแก้ว กับพวก ในคดีที่นายเกษม ณรงค์เดช ยื่นฟ้องกล่าวหาว่า ใช้เอกสารที่มีรายชื่อปลอมโอนหุ้น 2 หมื่นล้าน ชี้พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอรับฟัง มีผู้เชี่ยวชาญยันไม่ใช่ลายมือปลอม ด้าน ‘ณพ ณรงค์เดช’ เป็นห่วงสุขภาพอยากเข้าไปกราบพ่อ โจทก์เตรียมยื่นอุทธรณ์

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 กรกฎาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 712 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม หมายเลขดำ อ.2497/2561 ที่นายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท KPN เป็นโจทก์ฟ้องคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ภรรยา พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ, นายณพ ณรงค์เดช บุตรชายคนกลาง และนายสุทัศน์ จิรจรัสพร เป็นจำเลยที่ 1-3

คดีนี้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลเพียงพอ ให้ยกฟ้อง โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับคดีไว้พิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว โดยศาลมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ที่ปรึกษากฎหมายคดีนี้ กล่าวถึงเหตุผลที่ศาลยกฟ้องว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่สามารถรับฟังได้ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม นอกจากนี้ ศาลยังได้วินิจฉัยอีกว่า การลงทุนซื้อหุ้นวินด์ฯ จากผู้ถือหุ้นเดิมนั้น นายณพเป็นผู้ดำเนินการและเป็นผู้รับผิดชอบชำระค่าหุ้นด้วยตนเอง โดยครอบครัวณรงค์เดชไม่ได้มีส่วนร่วมในการลงทุน และไม่ได้มีการนำเครดิตของครอบครัวณรงค์เดชมาใช้ประกอบการขอสินเชื่อจากธนาคารแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า นายเกษมเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเอกสารต่างๆ ด้วยตนเองจำนวนหลายฉบับ ดังนั้น พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่พอรับฟังได้ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง

Advertisement

นอกจากนี้ ศาลยังให้เหตุผลอีกว่า เอกสารที่นายเกษม ณรงค์เดช อ้างว่ามีการปลอมนั้น เอกสารดังกล่าวได้เคยถูกส่งไปตรวจสอบมาก่อนในคดีที่คุณหญิงกอแก้วแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ว่านายเกษมยักยอกหุ้นของคุณหญิงกอแก้วไป ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ได้ให้ความเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมแต่อย่างใด ที่สำคัญจำเลยทั้งสามก็มีผู้เชี่ยวชาญที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานศาลยุติธรรมมาเบิกความเป็นพยานยืนยันว่า ผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวได้ตรวจสอบลายมือชื่อนายเกษมแล้วลงความเห็นว่า ไม่ใช่ลายมือชื่อปลอม นอกจากนี้ จำเลยทั้งสามยังมีที่ปรึกษากฎหมายมาเบิกความเป็นพยานยืนยันอีกว่าทนายความเป็นผู้จัดทำเอกสารเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัท วินด์เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด และนายเกษมต้องลงชื่อในเอกสารดังกล่าวหลายฉบับ ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่นายเกษมเองได้ยอมรับว่า ตนเองได้ลงลายมือชื่อในเอกสารเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัท วินด์ฯ จำนวนหลายฉบับ

คุณหญิงกอแก้วเปิดเผยภายหลังการพิจารณาเสร็จสิ้นว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีแต่ตนที่ถูกกล่าวหา ถูกรังแกมาโดยตลอด ที่เงียบไม่ได้ออกมาตอบโต้ไม่ใช่หมายความว่าเราผิด แต่ว่าเรารอกระบวนการของศาล และบัดนี้ความจริงก็ปรากฏแล้ว พิสูจน์แล้วว่าเราบริสุทธิ์ วันนี้ต้องขอบคุณศาลที่ท่านให้ความยุติธรรมกับเรา นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายคดีที่ถูกฟ้องในลักษณะเดียวกัน ซึ่งเราก็ต้องสู้กันต่อ ส่วนเรื่องการฟ้องกลับต้องรอปรึกษากับครอบครัวก่อน ความจริงก็คือความจริง เพราะที่ผ่านมาตนไม่เคยเอาเปรียบคดโกงใคร

ด้านนายณพ ณรงค์เดช กล่าวภายหลังว่า ขอขอบคุณศาลและทุกกำลังใจ สิ่งที่ตนเป็นห่วงตอนนี้คือสุขภาพคุณพ่อ บังเอิญว่าก็เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนว่าต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ และตอนนี้สิ่งที่อยากทำคือจะไปกราบคุณพ่อ และเล่าความจริงให้ฟังว่าตนไม่เคยปลอมลายเซ็นคุณพ่อ ทำทุกอย่างด้วยความถูกต้อง และขอฝากสื่อมวลชนว่า จริงๆ แล้วอยากขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าจะไม่ทำให้คุณพ่อและแม่ผิดหวังในตัวลูกคนนี้ ส่วนคดีที่อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอาญากรุงเทพใต้นั้นก็มีลักษณะมูลเหตุคล้ายๆ กัน เป็นเรื่องรายละเอียดและข้อเท็จจริงที่มีทีมทนายความดูแลปรึกษาอยู่ คงต้องขอให้เวลาในการพิสูจน์สู้คดีกัน

ด้านนายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความนายเกษม เปิดเผยภายหลังว่า “นายเกษม ณรงค์เดช และครอบครัวณรงค์เดช ขอยืนยันข้อเท็จจริงตามคำฟ้องทุกประการ และจะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image