รวบ 4 นอมินีบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 40 ล้านบาท อ้างถูกขอนำบัตรประชาชนไปใช้

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) พ.ต.อ.ธรรมปพน ชาวกำแพง ผกก.2 บก.ปอศ. นำกำลังจับกุม นายมนูญ  วงค์เจริญ อายุ 69 ปี นางสาวอัญชลี แสงสุกใส อายุ 60 ปี นายอรัญ แสงสุขใส อายุ 51 ปี และ นางธัญญรัตน์ ทองย้อย อายุ 46 ปี ในฐานความผิด “ร่วมกันหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน, ร่วมกันออกใบกำกับภาษีใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้โดยไม่มีสิทธิจะออก” อันเป็นความผิดตามมาตรา 37 มาตรา 90/4(7) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

สืบเนื่องจาก เจ้าพนักงานประเมินกรมสรรพากร ได้ตรวจสภาพกิจการและตรวจประเด็นภาษีมูลค่าเพิ่ม  ของบริษัท รุ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งจดทะเบียนกิจการประเภทการขายส่ง-ขายปลีก วัสดุก่อสร้างทุกชนิด รับเหมาก่อสร้างและปรึกษา กิจการ  ประดับยนต์ อะไหล่รถยนต์และอุปกรณ์ ขายส่ง-ขายปลีก เครื่องอุปโภคบริโภค น้ำมันพืช มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเพียงบ้านพักอาศัย ลักษณะเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น มีสภาพเก่า ประตูปิดล็อกไว้  ไม่พบสินค้า และไม่พบการประกอบกิจการของบริษัทตามที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้

ต่อมากองตรวจสอบภาษีกลางได้ประกาศรายชื่อ บริษัทดังกล่าวเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  อีกทั้งพบว่า บริษัทดังกล่าวประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการรับทำบัญชี ออกใบกำกับภาษีเท็จให้กับกลุ่มลูกค้าที่ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้ โดยมีกรรมการบริษัทคือ นางสาวรุ่งโสภา ภาสะปะหาส (เสียชีวิตแล้ว) และนายมนูญ วงค์เจริญ อายุ 69 ปี ผู้จัดตั้งบริษัท ต่อมา ได้เปลี่ยนกรรมการบริษัททั้งหมดมาเป็น นางสาวอัญชลี แสงสุกใส อายุ 60ปี นายอรัญ  แสงสุขใส อายุ 51ปี และ นางธัญญรัตน์  ทองย้อย อายุ 46 ปี จึงได้ทำการจับกุมทั้งหมด

จากการสอบสวนให้การรับสารภาพว่า มีเพื่อนบ้านและผู้มีบุญคุณที่ให้ที่พักอาศัยขอบัตรประจำตัวประชาชนไปใช้ โดยไม่ได้แจ้งวัตถุประสงค์และไม่มีค่าตอบแทน และมาทราบภายหลังว่าตนนั้นถูกออกหมายจับเป็นผู้ต้องหาของคดีดังกล่าว

Advertisement

รายงานข่าวแจ้งว่า บริษัท รุ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ประกอบกับเมื่อบริษัท ได้รับทราบการประเมินภาษีอากรของเจ้าพนักงานประเมิน แล้ว ละเว้นไม่ชำระภาษีอากรตามการประเมิน หรืออุทธรณ์คัดค้านการประเมิน หรือขอผ่อนชำระภาษีอากรตามหนังสือแจ้งการประเมิน เพื่อบรรเทาความเสียหาย  ที่เกิดขึ้นกับกรมสรรพากรแต่อย่างใด บริษัทจึงมีความผิดฐานเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยง การเสียภาษีอากร ตามมาตรา 37 แห่งประมวลรัษฎากร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท อีกกระทงหนึ่ง โดยมูลค่าความเสียหายจากภาครัฐที่ไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ จำนวนกว่า 40 ล้านบาท และหากบริษัทดังกล่าวผิดจริง อาจต้องเสียค่าปรับในอัตราอย่างสูงกว่า 100 ล้านบาท

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image