‘บิ๊กปั๊ด’ แท็กทีม ‘บิ๊กใหม่’ บุกรวบผู้จ้างวาน-มือยิง ทนายมานพ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ระยอง เขต3 (คลิป)

บิ๊กปั๊ด แท็กทีม บิ๊กใหม่ เปิดปฏิบัติการบุกจับมือปืน ผู้ร่วมขบวนการก่อเหตุยิง ‘ทนายมานพ’ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.ระยอง มือยิงสารภาพตลอดข้อหา

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผช.ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2, พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ชัยต์พจน์ สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.มนตรี เทศขันธ์ ผบก.ป., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2, พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จ.ระยอง, พ.ต.อ.อเนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) บก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.กก.สส.ภ.จ.ระยอง, พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.สส.ภ.จ.สระแก้ว, พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.บัญชา คล้ายน้อย ผกก.สืบสวน 2, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตามคำสั่ง ตร.ที่ 390/2565, กก.ปพ.บก.ป. หรือหนุมาน, กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 หรือบูรพา 491 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 จับกุม นายปิติ นิชรัตน์ อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1799/2565 ลงวันที่ 29 สิงหาคม กับพวกในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน” และอยู่ระหว่างตรวจสอบความเชื่อมโยงถึงผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ

จากกรณีเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม เวลา 19.07 น. ได้เกิดเหตุ คนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน “บุกเดี่ยว” มาที่ปั๊มน้ำมัน ช.อำนวยทรัพย์ปิโตเลี่ยม เลขที่ 111 ม.4 ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง และขับมาประชิดโต๊ะทำงานที่ นายมานพ เสถียรเขตต์ ทนายความชื่อดัง อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.ระยอง พรรคไทยรักษาชาติ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย นั่งทำงานอยู่ จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 จ่อยิงใส่ ทนายมานพ 3 นัด เป็นเหตุให้เสียชีวิตต่อหน้าภรรยาและญาติที่อยู่ภายในปั๊มน้ำมันดังกล่าว ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญประชาชนอย่างยิ่ง และเนื่องจากผู้เสียชีวิต เป็นทนายความที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในพื้นที่และเป็นผู้คอยให้คำปรึกษาในการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ทุจริตและกระทำผิดกฎหมาย ทำให้มีมูลเหตุจูงใจสลับซับซ้อนเป็นไปได้หลายทิศทาง

จากการสืบสวนพบพยานหลักฐานว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 2 คน และมีการวางแผนมาก่อเหตุอย่าง “มืออาชีพ” มีสำรวจพื้นที่ สะกดรอยติดตามทนายมานพ ไม่ต่ำกว่า 1 เดือน และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุนั้น คนร้ายจงใจไปจอดทิ้งไว้ในที่ดินรกร้างแห่งหนึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตร ก่อนโดดไปขึ้นรถยนต์ของผู้ร่วมก่อเหตุอีกคน ที่จอดรอรับในพื้นที่เปลี่ยวใกล้จุดทิ้งรถขับหลบหนีไปด้วยกัน จากการตรวจสอบพบว่า รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถที่ถูกขโมยมา มีการแจ้งความหายไว้ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2557 ต่อมาตำรวจสืบสวนจนยืนยันตัวบุคคลที่เป็นมือยิงและคนพาหลบหนีได้ทั้ง 2 คน จากรอยนิ้วมือที่อยู่บนรถจักรยานยนต์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้ พนักงานสอบสวน บก.ป. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อออกหมายจับ นายปิติ นิชรัตน์ ที่อยู่ 70/14 ถ.เดชานุชิต ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ADVERTISMENT

วันเดียวกันนี้ เวลาประมาณ 14.00 น. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ได้นำกำลัง ชุดสืบสวน กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 หรือ บูรพา 491 เปิดปฏิบัติการ บุกจับกุมตัว นายปิติ นิชรัตน์ ผู้ต้องหาได้บริเวณปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ถ.รัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจัตุจักร กรุงเทพมหานคร

นายปิติให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่า ตนเป็นผู้ใช้อาวุธปืนลูกโม่ยิงนายมานพจริง โดยเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตนและนายนิติพนธ์ หรือแบน ฉ่ำชื่น ได้ไปสำรวจพื้นที่ก่อเหตุมาแล้ว 1 ครั้ง ก่อนลงมือก่อเหตุ แต่ไม่ทราบว่าใครคือผู้ว่าจ้าง จากนั้น พล.ต.อ.สุชาติ ได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำขยายผลที่ บก.ป. ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะมีการตรวจสอบขยายผลเพื่อออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ

ต่อมาเวลา 17.45 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.สุชาติ แถลงจับกุมนายปิติ และ นายนิติพนธ์ หรือแบน ฉ่ำชื่น อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน”

พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่าจับกุมนายปิติ ได้ภายในบริเวณปั๊มน้ำถ.รัชดาภิเษก เขตจตุจักรกทม.และจับกุมนายนิติพนธ์ ได้ในพื้นที่ จ.แพร่ พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก  ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่พบว่าเคยต้องคดีมาก่อน ส่วนการสอบสวนนายปิติ  ไปบ้างแล้วบางส่วน เบื้องต้นยอมรับว่าได้รับการติดต่อจากนายนิติพนธ์ ให้ไปก่อเหตุยิงผู้ตายได้ค่าจ้าง 80,000 บาท หลังก่อเหตุนำอาวุธปืนไปคืนให้กับนายนิติพนธ์ ก่อนที่นายนิติพนธ์ จะพาหลบหนีส่วนชนวนเหตุเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ทราบ เพราะนายนิติพนธ์ไม่ได้บอกรายละเอียดในส่วนนี้ นอกจากนี้ยอมรับว่าเคยก่อเหตุยิงคนตายมาแล้ว ขณะที่ส่วนนายนิติพนธ์ อยู่ระหว่างนำตัวเดินทางกลับมาสอบปากคำ บก.ป. ขณะนี้ยังมาไม่ถึงจึงยังไม่ได้ทำการสอบปากคำ หากมาถึงทางคณะพนักงานสอบสวนจะเร่งดำเนินการสอบสวนโดยทันที และคาดว่าคดีดังกล่าวจะเริ่มกระจ่างมากขึ้น ส่วนอาวุธปืนที่ตรวจยึดจากนายนิติพนธ์ ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นคนละกระบอกกับที่ใช้ก่อเหตุ

ผู้สื่อข่าวถามว่าชนวนสังหารครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่นหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า  ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะพยานหลักฐานยังเชื่อมไปไม่ถึง แต่เชื่อว่าหลังการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนอย่างละเอียดคดีจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นแน่นอน แต่จากแนวทางสืบสวนทราบว่า นายนิติพนธ์ รู้จักกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ระยอง จริงอยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบให้แน่ขัดถึงมูลเหตุสังหารว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังอีกหรือไม่