ลุ้นชี้ชะตา ‘สุเทพ’ คดีฮั้วประมูล 396 โรงพัก เผยตราบาปในชีวิตกว่า 10 ปี วันนี้น้อมรับคำตัดสิน

ลุ้นชี้ชะตา ‘สุเทพ’ กับพวก คดีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดแทน 396 หลัง เจ้าตัวเผยหากศาลตัดสินผิดวันนี้ไม่มีหลักฐานใหม่ ยื่นอุทธรณ์แล้วให้จบวันนี้

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 กันยายน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) สนามหลวง ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อม.22/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และ นายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1-6 กรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดแทนโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ)

คดีนี้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 9 มิ.ย.2552-18 เม.ย.2556 จำเลยที่ 1 และที่ 2 เปลี่ยนแปลงแนวทางจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง จากราคาภาคแยกสัญญามาเป็นการรวมจัดจ้างก่อสร้างไว้ที่ส่วนกลางสัญญาเดียว จำเลยที่ 5 เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดยจำเลยที่ 6 ยื่นเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคา ได้เสนอราคาต่ำอย่างผิดปกติ

จำเลยที่ 3-4 ในฐานะคณะกรรมการประกวดราคาไม่ตรวจสอบราคาที่ผิดปกติดังกล่าว และได้นำเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคานั้นไปใช้ในการขออนุมัติจ้างและใช้ประกอบเป็นเอกสารแนบท้ายสัญญา

ต่อมา จำเลยที่ 5 ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1, 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ลงโทษจำเลยที่ 3, 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10, 12 กับลงโทษจำเลยที่ 5, 6 ในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำผิด

Advertisement

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาคดีนักการเมืองได้นัดพิจารณาครั้งแรกและได้อ่านอธิบายคำฟ้อง พร้อมสอบคำให้การจำเลยทั้ง 6 ให้การปฏิเสธข้อต่อสู้คดี ศาลจึงได้กำหนดวันนัดไต่สวนพยานโจทก์ 3 นัด ครั้งแรกวันที่ 2, 30 มิ.ย. และวันที่ 7 ก.ค.นี้ และนัดไต่สวนพยานจำเลยวันที่ 19, 21, 26 ก.ค.จนเสร็จสิ้นแล้ว จึงนัดคู่ความฟังคำพิพากษาในวันและเวลาดังกล่าว

โดยวันนี้นายสุเทพเดินทางมาศาลพร้อมทนายความ

(ชมคลิป)

Advertisement

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายสุเทพกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่สำคัญมากสำหรับชีวิตตน ตนถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในกรณีก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง ถูกกล่าวหาตั้งแต่ครั้งมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. โดยมีคู่แข่งทางการเมืองยกขึ้นมาโจมตี เพราะขณะนั้นสถานีตำรวจที่ประมูลไปแล้วยังสร้างไม่เสร็จ จึงใช้ตนเป็นแพะ เรื่องนี้คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีอีกคนหนึ่งคือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีการออกมาแถลงข่าวดำเนินคดี กล่าวหาว่าตนฮั้วประมูล โดยตนได้ดำเนินคดีไปแล้ว และศาลลงโทษจำคุกนายธาริต 1 ปี

นายสุเทพกล่าวว่า หลังจากนั้น ป.ป.ช.รับเรื่องต่อจากนายธาริตมาดำเนินการ เฉพาะการสอบสวนของ ป.ป.ช.ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 7 ปี เมื่อ ป.ป.ช.สอบสวนเสร็จจึงส่งสำนวนไปให้อัยการเพื่อฟ้องคดี แต่อัยการไม่เห็นด้วยกับสำนวนของ ป.ป.ช. โดยอัยการเห็นว่าตนไม่มีความผิดจึงตั้งคณะกรรมการร่วม และใช้เวลา 1 ปี จึงส่งสำนวนตีกลับให้ ป.ป.ช. คดีนี้ ป.ป.ช.จึงฟ้องเอง

“คดีนี้ผมต่อสู้ด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล ตัวบทกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่หากศาลจะตัดสินอย่างไรก็เคารพศาลและน้อมรับ” นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพกล่าวว่า มั่นใจว่าตนทำคุณงามความดีให้กับส่วนรวมและบ้านเมืองด้วยความสุจริตมาโดยตลอด ข้อกล่าวหาที่ว่าตนทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักถือเป็นตราบาปในชีวิตมาร่วม 10 ปี หากวันนี้ศาลพิพากษาไม่ลงโทษ ตนจะได้เกียรติยศและศักดิ์ศรีกลับคืนมา หากโชคร้ายศาลลงโทษคงต้องก้มหน้ารับกรรม

นายสุเทพกล่าวอีกว่า จนถึงวันนี้ 10 ปี ตนพยายามอธิบายชี้แจงมาตลอดผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ตั้งแต่ ป.ป.ช.กล่าวหา ซึ่งตลอด 10 ปี ตนตกเป็นจำเลยสังคม ประชาชนบางคนอาจจะเชื่อไปแล้ว มาถึงวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรื่องทั้งหมด ก็รู้สึกสบายใจขึ้น ซึ่งคดีนี้ตนว่าความเอง ซักพยานเอง เชื่อมั่นในความจริงและพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม หากศาลตัดสินในเชิงลบกับตน คงไม่มีหลักฐานใหม่กว่านี้เพื่อนำมายื่นอุทธรณ์แล้ว ทุกอย่างคงจบลงวันนี้ รวมทั้งคงจบบทบาททางการเมืองของตนด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image