วันที่ 21 พฤศจิกายน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ศูนย์ดำรงธรรม ภายในศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายอำนวย พงษ์ถ้อย อายุ 50 ปี และนายเกตุ จัดสนาม อายุ 70 ปี พร้อมด้วยตัวแทนผู้ประกอบการชายหาดในยางประมาณ 20 คน เข้ายื่นหนังสือกับนางวันนีย์ สิริขันธ์ หัวหน้างานสาระสนเทศ แขวงการทางภูเก็ต ทำหน้าที่หัวหน้าเวรศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีมีผู้อ้างครอบครองพื้นที่สาธารณะทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์แหลมพิศ (หน้าหาดในยาง) ต.สาคู อ.ถลาง ปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 21 และมีการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 40(1) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ในพื้นที่สาธารณะทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์แหลมพิศ โดยนางวันนีย์ สิริขันธ์ ได้รับหนังสือร้องเรียนพร้อมเอกสารไว้ตรวจสอบตามขั้นตอน
นายอำนวยกล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวปัจจุบันพบว่ามีการสร้างอาคารในเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ เป็นทั้งร้านอาหาร สปา ห้องพัก โดยมีนายแดง หลาวหล้าง เป็นผู้ครอบครอง ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อประมาณเดือนกันยายน 2557 องค์การบริหารส่วนตำบลสาคู ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาบังคับใช้กฎหมาย ตามคำสั่งจัดระเบียบชายหาดจังหวัดเพื่อคืนพื้นที่สาธารณะตามนโยบายของ คสช. หลังพบว่าก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต และสั่งให้มีการรื้อถอนอาคาร อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการติดประกาศของ อบต.แต่ปัจจุบันผ่านมาเป็นเวลากว่า 1 ปี ยังไม่มีการรื้อถอน ขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ได้มีการรื้อถอนไปทั้งหมดแล้วตั้งแต่ที่เข้ามาจัดระเบียบ อีกทั้งทราบว่าไม่มีการเสียภาษีโรงเรือน จึงรู้สึกว่าเกิดความไม่เป็นธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย จึงอยากให้ทางจังหวัดเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า พื้นที่ครอบครองที่นายแดงและครอบครัวอ้างสิทธินั้นมี ส.ค.1 จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ ส.ค.1 เลขที่ 287 ครอบครองที่ดินเนื้อที่ 9 ไร่ และ ส.ค.1 เลขที่ 194 เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ โดย ส.ค.1 เลขที่ 287 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ส่วน ส.ค.1 เลขที่ 194 ศาลได้มีคำพิพากษาให้นายแดง หลาวหล้าง มีสิทธิเหนือที่ดินทำกิน แต่พบว่าตามพื้นที่ ส.ค.1 เลขที่ 194 เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษนั้น ปัจจุบันมีการก่อสร้างเพิ่มเติมไปอีกรวมประมาณ 5 ไร่ ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีการรื้อถอนส่วนเกินออกไปแต่ก็กลับมาสร้างใหม่อีก
สำหรับพื้นที่ที่มีการบุกรุกบริเวณหาดในยางดังกล่าว อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และพื้นที่สาธารณประโยชน์ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ มี อบต.สาคู และอำเภอถลาง เป็นผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่ดังกล่าว จากการตรวจสอบย้อนหลังของที่ดินพบว่า ใน ปี พ.ศ.2511 ก่อนการประกาศเขตอุทยานฯ ได้มีการประกาศเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์แหลมพิศ กับที่สาธารณประโยชน์ปากบาง มีเนื้อที่รวม 700 กว่าไร่ ครอบคลุมไปถึงสนามบินภูเก็ต
