พรุ่งนี้ ชี้ชะตา ธาริต-พวก นัดอ่านฎีกา ข้อหาม.157 เอาผิด ‘มาร์ค-สุเทพ’ สลายม็อบนปช.

นัดอ่านฎีกาครั้งที่ 6 ชี้ชะตา ธาริต-พวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาฆ่าคนตาย ‘มาร์ค -สุเทพ’ สลายม็อบ นปช. ปี 53

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ว่า เวลา 09.00 น.วันที่ 9 ธันวาคม ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่าน คำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 6 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง

กรณีเมื่อระหว่างเดือนกรกฎาคม 2554 -13 ธันวาคม 2555 จำเลยทั้งสี่ ในฐานะพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสองสั่งฆ่าประชาชน และอื่นๆ ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษทางอาญา จากการที่ ศอฉ. ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสี่ โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับเห็นว่าจำเลยทั้งสี่ กระทำผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

Advertisement

จำเลยทั้งสี่ยื่นฎีกา และยื่นคำร้องอ้างว่า มีพยานหลักฐานใหม่ในคดีขอให้ศาลฎีกาพิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่ และทนายความยื่นใบรับรองแพทย์ รพ.พญาไท 2 อ้างว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 ติดเชื้อโควิด-19 ครั้งใหม่ รวมทั้งนางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของ น.ส. กมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม ได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม ในฐานะผู้เสียหายในคดีด้วย

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอส่งสำนวนคืนศาลฎีกา กรณีจึงไม่อาจอ่านคำสั่งหรือ คำพิพากษาของศาลฎีกาได้ จึงให้ส่งคำร้องขอส่งสำนวนคืนศาลฎีกาและคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามดังกล่าวให้ศาลฎีกาพิจารณา และนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาวันที่ 9 ธันวาคม เวลา09.00 น.

อย่างไรก็ตามในตอนท้าย ศาลได้แจ้งว่าหากจำเลยที่ 1 ใช้เหตุผลการป่วยในการขอเลื่อนการฟังคำสั่งคดีอีกในครั้งหน้า ศาลจะไม่อนุญาตแล้วจะไต่สวนทันที และห้ามใช้เทคนิคทางกฎหมายมาขัดขวางการอ่านคำพิพากษาของศาลอีก

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image