‘อัยการ-ผบ.ตร.’ แถลงออกหมายจับ ‘คดีตู้ห่าว’ เพิ่ม 12 ราย ตามรวบได้แล้ว 2

‘อัยการ-ผบ.ตร.’ แถลงออกหมายจับคดีตู้ห่าว เพิ่ม 12 ราย ฐานสมคบค้ายา 10 ราย ฟอกเงิน 2 ราย รวบได้แล้ว 2 ราย

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 มกราคม สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ มีการประชุมคณะทำงานกำกับการสอบสวนและการดำเนินคดีสำคัญซึ่งมี น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะที่ปรึกษา เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประชุม 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ นายสมเกียรติ คุววัฒนานนท์ รองอัยการสูงสุด หัวหน้าคณะทำงาน และคณะทำงาน รายงานความคืบหน้าการสอบสวน คดีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวก

ต่อมา มีการแถลงความคืบหน้าการสอบสวนโดยมี นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ และ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลง

นายโกศลวัฒน์กล่าวว่า ตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งมอบหมายพนักงานสอบสวน โดยให้พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) กองบัญชาการ ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สอบสวนและพนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานต่างประเทศ ร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวน และให้ ผบ.ตร.เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ วันนี้มีการประชุมคณะทำงานกำกับการสอบสวนและการดำเนินคดีสำคัญ ซึ่งมี น.ส.นารี และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ในฐานะที่ปรึกษา เข้าร่วมประชุม โดยนายสมเกียรติ หัวหน้าคณะทำงาน และคณะทำงาน รายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีนายชัยณัชร์ หรือตู้ห่าว กับพวก

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า สำนวนคดีที่ บช.น.ส่งให้อัยการดำเนินการต่อเละ หรือสำนวนอ่อนตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ กล่าวหาหรือไม่ นายกุลธนิตกล่าวว่า จากการที่พนักงานอัยการได้รับมอบหมายให้ไปร่วมสอบสวน ขั้นตอนแรกคือนำสำนวนการสอบสวนมาตรวจสอบดูว่าพนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างไรไปบ้างแล้ว จากการตรวจสอบสำนวนโดยละเอียดปรากฏว่าในภาพรวมสำนวนการสอบสวนเป็นการกำหนดแนวทางการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว ทำสำนวนมาดีทุกอย่าง การสอบสวนมุ่งเน้นการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีการกระทำของผู้ต้องหา แต่ไม่ได้มุ่งเน้นว่าผู้ต้องหากระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง ไปมุ่งเน้นรวบรวมพยานหลักฐานว่ากลุ่มผู้ต้องหากระทำความผิดที่เกี่ยวข้องโดยมีบุคคลใดบ้าง ซึ่งอัยการตรวจดูแล้วก็ได้สอบสวนเพิ่มเติมบางส่วนที่ไม่สมบูรณ์ จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มได้โดยอาศัยสำนวนหลัก จากพนักงานสอบสวนที่รวบรวมมาได้ ประเด็นที่กล่าวว่าสำนวนการสอบสวนหละหลวมไม่สมบูรณ์ ความจริงแล้วมีความครบถ้วน อัยการเพียงแต่มาหาจุดเชื่อมโยงเพิ่มเติม

เมื่อถามว่า การแจ้งข้อกล่าวหาล่าช้าจะเป็นช่องโหว่ให้เป็นข้อต่อสู้ของนายตู้ห่าวหรือไม่ นายกุลธนิตกล่าวว่า ไม่เป็นช่องโหว่ เพราะการแจ้งกล่าวข้อหาเป็นเพียงกระบวนการหนึ่ง ส่วนเนื้อหาที่สอบสวนมา รวบรวมการกระทำของผู้ต้องหาว่าเป็นความผิดฐานใดเพื่อให้การสอบสวนลุล่วง คณะทำงานจะส่งสำนวนโดยให้มีระยะเวลาเหลือให้อัยการสูงสุดพิจารณาพอสมควร คาดว่าจะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 7 วันที่ 20 ม.ค.2566 ตามกำหนดก็จะต้องเหลือให้อัยการสูงสุดพิจารณา อาจจะเป็นวันที่ 8 ม.ค. หรืออาจจะเกินไปไม่มาก

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า คดีนี้การกระทำนายตู้ห่าวถือเป็นตัวการหลัก และการร่วมกันสอบสวนกับอัยการจนถึงวันนี้ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.65 มีความคืบหน้าชัดเจน ผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเครือข่ายเดียวกันกรณีที่นายชูวิทย์ปล่อยคลิปออกมาพาดพิงถึงการทำงานของ บช.น.และนายตำรวจอีกหลายนายเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและความชัดเจนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างนั้นหรือไม่อย่างไร ตามที่มีการกล่าวหาว่ามีการทำสำนวนอ่อนและสำนวนเสียหาย

Advertisement

“ผมออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดย พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ พร้อมนายตำรวจระดับผู้บัญชาการ 2 นาย สังกัดจเรตำรวจเเห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ( ผบช.ก.) และ รอง ผบช.ก ผู้บังคับการกองปราบปราม ร่วมเป็นคณะกรรมการ ประเด็นคลิปต่างๆ ที่มีการกล่าวหา พื่อให้เกิดความกระจ่างชัดซึ่ง

“สั่งการไปว่าให้รายงานผลข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน และวันนี้ยังได้เรียน อสส.ว่าจะขอเรียนเชิญพนักงานอัยการ 2-3 คน มาเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการเพื่อให้เรื่องที่มีการกล่าวหาว่ามีการทำให้เกิดความเสียหายต่อรูปคดีจะทำให้สังคมเกิดความชัดเจน โต้กันไปโต้กันมามันก็พูดไม่จบข้อสงสัยอะไร ถ้าใครมีคลิป หรือข้อสงสัยอะไรก็เอามาให้คณะกรรมการ คณะกรรมการชุดนี้จะเป็นผู้ให้ความกระจ่างทั้งหมด” ผบ.ตร.กล่าว

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการเข้าใจผิดกันในอีกหนึ่งประเด็นนั้นที่มีการเข้าใจกันว่า ผบช.น.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ตามหนังสือ ซึ่งตามหนังสือที่ ผบช.น.ส่งสำนวนให้ อสส.พิจารณาคดีนอกราชอาณาจักร ซึ่งทาง อสส.พิจารณาแล้วว่าคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักรและตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรกเป็นคณะทำงานกำกับคดี มีรองอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะทำงาน โดยมีอัยการสูงสุดและตนเป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน ชุดที่ 2 อสส.ตั้งตนเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบลงนามในสำนวนเสนอ อสส.พิจารณาและมีพนักงานสอบสวน 4 กองบัญชาการประกอบด้วย ตำรวจ ปส. ตำรวจสอบสวนกลาง และปอท. ส่วน บช.น.มีตำรวจที่ร่วมรับผิดชอบคดีนี้อีก 42 คน จะเห็นว่าทำงานอย่างต่อเนื่องอยากให้ประชาชนมั่นใจว่าตนเป็นผู้กำกับดูแลคดีไม่ใช่ ผบช.น.

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าคดีจากการที่เข้าร่วมประชุมทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการที่ทำงานร่วมกับอัยการก็มั่นใจว่าพยานหลักฐานว่าจะดำเนินคดีกับนายตู้ห่าวกับพวกได้ ส่วนพวกที่กล่าวหาว่าตำรวจทำสำนวนไม่ดี สักวันจะทำให้ความจริงปรากฏว่าเรื่องที่กล่าวหามานั้นจริงหรือไม่อย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 27 ธ.ค.65 มีนายตำรวจระดับสูงและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ไปตรวจผับจินหลิง รวมถึงรถยนต์ เรื่องนี้ได้รับทราบรายงานข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร และผลการตรวจดังกล่าวมีผลกระทบต่อพยานหลักฐาน หรือรูปคดีหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า เท่าที่คุยกับอัยการเรื่องนี้ไม่มีผลกระทบทางรูปคดี เพียงแต่การเข้าไปดังกล่าวถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนหรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นมาเป็นคนชี้แจงว่ามีใครทำอะไรผิดขั้นตอนหรือไม่ ตนไม่ขอตอบ ให้คณะกรรมการชี้แจงทีเดียว

ขณะเดียวกัน นายกุลธนิตตอบคำถามในประเด็นตั้งแต่เกิดเหตุพนักงานสอบสวนตรวจเก็บพยานหลักฐานทั้งหมดไว้แล้วและเข้าไปตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหนึ่ง โดยมีคณะทำงานอัยการเข้าไปร่วมด้วย ซึ่งเป็นเพียงการแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในตัวทรัพย์สินที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ป.ป.ส.ก็มีการอายัดไว้แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แจ้งข้อหานายตู้ห่าวในเรือนจำครบถ้วนทุกคดีหรือไม่ อธิบดีสำนักงานอัยการสอบสวนกล่าวว่า กำลังดำเนินการอยู่

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กรณีที่นายชูวิทย์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์องค์กรตำรวจและอัยการจะเข้าข่ายฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องดูว่ามีใครได้รับความเสียหายหรือไม่อย่างไร และต้องไปดูแต่ละคำพูด แต่ตอนนี้ขอเน้นเรื่องการขยายผลทำคดีเป็นหลักก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที

“อยากให้สื่อมวลชนเข้าใจการทำงานว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างเช่นนักมวย เวลาไปชกมวย กองเชียร์ก็มองว่าทำไมเตะตัดขา ไม่ต่อย โดยที่กองเชียร์ไม่ได้รู้ว่านักมวยทำอะไรอยู่ อย่างการสอบพยาน สอบไปแล้ว 400 ปาก และจะสอบเพิ่มเติมอีกหรือไม่” ผบ.ตร.ระบุ

ผู้สื่อข่าวถาม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ว่า รู้สึกกดดันหรือไม่ที่มีการนำหลักฐานในคดีออกมาโชว์ต่อสื่อมวลชน ผบ.ตร.กล่าวว่า ในความเห็นของตนตอบว่ากลุ่มผู้ต้องหาเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อ ซึ่งไม่น่าเป็นผลดีต่อคดี แต่จะเป็นผลลบ เนื่องจากฝ่ายผู้ต้องหาจะเห็นช่องทางและนำมาต่อสู้ในคดีขอให้มั่นใจว่าตนเข้ามาเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนแล้ว และทางอัยการก็ส่งทีมชุดใหญ่มา เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะทำงานเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันทำงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการที่ร่วมสอบสวนได้ดำเนินการร่วมกันสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่รวบรวมพยานหลักฐานขอให้ศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้แล้ว 25 หมาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 17 คน วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขออนุมัติให้ศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 12 หมาย และจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน ได้แก่ MR.FU JI ZING และ นายกฤติธี เหมหงส์ ในความผิดที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ต้องหา 12 หมาย

เป็นความผิดฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และมีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน โดยการกระทำมีลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ประเภท 2 ไว้ในครอบครอง และจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า

มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และมีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน 2 หมาย และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน 10 หมาย ทั้งนี้ คณะทำงานจะพิจารณาขยายผลการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image