เมื่อเวลา13.00น. วันที่1ธันวาคม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมผู้เสียหาย 9 ราย ที่ไปศัลยกรรมคลินิกเถื่อนตั้งอยู่บริเวณถนนราชพฤกษ์ เข้าพบ พ.ต.อ.ปพณพัชร์ ตังจิตจารุพัชร์ ผกก.สน.บางยี่เรือ เพื่อยื่นเรื่องดำเนินคดีอาญากับคลินิกและหมอเถื่อนดังกล่าว
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายที่ถูกบุคคลในคลินิกเถื่อนหลอกลวงฉ้อโกง โดยการแอบอ้างว่าเป็นแพทย์ และให้มาศัลยกรรมกับคลินิก เมื่อศัลยกรรมแล้วปรากฏว่ามีผลข้างเคียง บางรายมีบาดแผล เมื่อไปติดต่อที่คลินิก เพื่อทวงเงินคืนกลับถูกปฏิเสธ และขู่ว่าถ้าแจ้งความจะถูกทางคลินิกดำเนินคดีเช่นกัน ก่อนหน้านี้ได้มีผู้เสียหายบางรายเดินทางมาแจ้งความกับสน.บางยี่เรือแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่รับแจ้งความ แค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น ในวันนี้จึงมาแจ้งความอีกครั้งให้เป็นคดีอาญา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์14(1) เรื่องนี้จะมีอยู่2กรณี ที่จะต้องดำเนินการคือหลอกให้โอนเงิน โดยไม่รักษาและทำศัลยกรรมแล้วมีบาดแผล มีผู้เสียหายบางรายดูดไขมันแล้วเกิดอาการช็อกหมดสติ แต่แพทย์ที่ดูแลกลับสั่งห้ามไปโรงพยาบาล เพราะเกรงว่าคนไข้รายอื่นเห็นจะตกใจ ระหว่างนั้นมีผู้เสียหายที่มาใช้บริการคลินิกดังกล่าว เข้ามาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า คลินิกดังกล่าวเคยถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าจับกุมเมื่อปี2556 ล่าสุดถูกกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)เข้าจับกุม แต่ไม่มีการดำเนินคดีถึงตัวการใหญ่ ดำเนินการเพียงแค่เสมียนในร้านเท่านั้น ขบวนการเหล่านี้จะต้องมีเส้นสาย และมีทนายความที่มีชื่อเสียงพอสมควรที่สามารถจัดการคดีต่างๆได้หมดโดยไม่ถูกจับกุม จนปัจจุบันนี้คลินิกดังกล่าวเปลี่ยนชื่อมาแล้ว7ครั้ง ในคลินิกดังกล่าวมีแพทย์จริงๆเพียงคนเดียว นอกนั้นแอบอ้าง โดยปลอมใบประกอบวิชาชีพของแพทย์ทั้งหมด และเอาแพทย์ที่มีชื่อเสียงด้านศัลยกรรมไปเขียนแอบอ้างรีวิวในโฆษณา ดังนั้นในวันนี้จึงนำใบบันทึกประจำวันมามอบให้ผกก.สน.บางยี่เรือ และถามว่าทำไมถึงไม่รับแจ้งความเป็นคดีอาญาตั้งแต่แรก
ด้านน.ส.นิว(นามสมมุติ)หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตอนแรกไม่ทราบข้อมูลอะไรเกี่ยวกับคลีนิกนี้ แต่เห็นว่ามีการรีวิวและโฆษณาในเฟซบุ๊ก รวมทั้งมีแพทย์ที่น่าเชื่อถือหลายคน จึงติดต่อเข้าไปใช้บริการดูดไขมัมบริเวณหน้าท้อง แต่เมื่อดูดไขมันออกไป พบว่าหน้าท้องไม่เรียบ แต่เมื่อเดินทางไปที่คลินิก แพทย์รับปากว่าจะทำให้ใหม่ แต่ตนรู้สึกว่าถ้าแก้ไปก็คงไม่ดีขึ้น เพราะอุปกรณ์ต่างๆไม่ตรงตามที่โฆษณา หรือในรีวิวเลย
ส่วนน.ส.เฟย(นามสมมุติ)หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า รู้จักคลินิกเสริมความงามในโซเชียลมีเดีย และได้ตกลงคุยกับแพทย์ท่านหนึ่ง แสดงใบแพทย์และเอกสารประกอบวิชาชีพครบถ้วน พร้อมบรรยายรายละเอียดต่างๆว่าจะต้องทำอะไรบ้าง โดยให้รีวิวและวางเงินมัดจำล่วงหน้าก่อน100,000บาท หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อคลินิกหรือแพทย์ที่คุยกับตนได้เลย ขณะนี้ทราบว่าคลินิกดังกล่าวปิดตัวลงแล้ว แต่จะเปิดให้บริการช่วงดึกๆ
น.ส.เอม(นามสมมุติ) หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ใช้บริการดูดไขมันที่ขา เมื่อดูดเสร็จไปหนึ่งข้าง ตนรู้สึกชา หน้ามืด ชักกระตุก แต่แพทย์สั่งห้ามไปส่งโรงพยายาบาล เนื่องจากคนไข้ที่รอรับบริการเห็นแล้วจะตกใจ ก่อนที่ผู้ช่วยพยาบาลจะนำไปส่งโรงพยาบาล เมื่อติดต่อไปยังคลินิกดังกล่าว ได้คำตอบว่าไม่รับผิดชอบใดๆ และบอกว่าเป็นความผิดของตน หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้ ทุกวันนี้ต้องไปตรวจเช็กเลือดทุกๆ3เดือน เพราะไม่ทราบว่าติดเชื้อในกระแสเลือดหรือไม่
พ.ต.อ.ปพณพัชร์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้พูดคุยกับผู้เสียหายบ้างแล้ว ในวันที่มาแจ้งความนั้นจะขอลงบันทึกประจำวันเพื่อไปขอเป็นหลักฐานเท่านั้น ส่วนผู้เสียหายรายอื่นๆยังไม่ได้พบ จึงเป็นที่มาของการไม่ได้รับเรื่องแจ้งความ แต่ในวันนี้จะรับเรื่องแจ้งความเป็นคดีอาญาไว้ทั้งหมด และจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยจะบันทึกปากคำของผู้เสียหายทุกราย เนื่องจากมีจำนวนผู้เสียหายหลายราย จึงอยากจะขอมอบให้นายอัจฉริยะเป็นผู้กล่าวหา ส่วนผู้เสียหายเป็นพยานผู้เกี่ยวข้องแทน จะได้ง่ายต่อการติดต่อ จะทำหนังสือรับมอบอำนาจให้ผู้เสียหายทุกรายเซ็นชื่อยินยอม หลังจากนี้จะสอบปากคำผู้เสียหายทุกราย เพื่อรวบรวมสำนวนส่งศาลออกหมายค้น คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบไม่เกิน7วัน จึงจะออกหมายจับได้
