อัยการ”ปรเมศวร์”โพสต์ความเห็น “ทางออกของพระธัมมชโยและDSI” ว่าด้วยการประกันตัว-ฝากขัง

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม”ของนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการสำนักงานชี้ขาดคดี สำนักงานอัยการสูงสุด โพสต์ความเห็นเกี่ยวกับ “ทางออกของพระธัมมชโย และ DSI”ระบุว่า “คราวที่แล้วได้อธิบายการสั่งคดีของอัยการไปแล้วว่าทำไมต้อง “เห็นควรสั่งฟ้องพระธัมมชโย” วันนี้ขอเสนอแนวทางตามกฎหมายว่าเรื่องนี้ควรจะจบอย่างไร การที่DSIจะใช้กำลังไม่ว่าจะเป็นเอาตำรวจหรือทหารเข้าไปทำการจับกุมพระธัมมชโย แม้เป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ผลที่ตามมาน่าจะเสียหายมากกว่าดังที่ท่านนายกพูดนั่นแหละ ครั้นไม่ดำเนินการอย่างใดเพื่อให้ได้ตัวพระธัมมชโยตามคำสั่งของอัยการก็จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล ไม่ว่าจะไปทางไหนไม่พ้นที่ DSI จะตกเป็นจำเลยทางสังคมเป็นแน่แท้

“สมมุติว่าถ้าเราได้ตัวพระธัมมชโยมาด้วย “การบุกเข้าไปจับกุม” หรือ “การมอบตัว” ของท่านเอง ขั้นตอนจะเป็นอย่างไร คำตอบอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เริ่มด้วย DSI ต้องแจ้งสิทธิตามมาตรา 7 เช่น สิทธิในการปรึกษากับทนายเป็นการเฉพาะตัว ให้ทนายเข้าฟังการสอบปากคำของพระธัมมชโย ได้รับการเยี่ยมจากญาติตามสมควร ได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดการเจ็บป่วย จากนั้นก็ถามชื่อตัว นามสกุล ที่อยู่ สัญชาติ บิดามารดา อายุ อาชีพ ที่อยู่ ที่เกิด และแจ้งให้ทราบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทำที่กล่าวหา แล้วจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ (มาตรา 134 วรรคแรก) และ DSI “ต้องให้โอกาสพระธัมมชโยที่จะแก้ข้อกล่าวหาและแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์แก่ตนได้” (มาตรา 134 วรรคสาม) และต้องถามว่าท่านมีทนายหรือไม่ ถ้าไม่มีและต้องการ รัฐก็ต้องจัดหาให้ (มาตรา 134/1 วรรคสอง) แค่นี้ก็ใช่ว่าจะจบในวันเดียว

“ถ้า DSI รวบรัดไม่ดำเนินการให้ มีหวังโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 แน่นอน ถ้ายังสอบไม่เสร็จก็ยังส่งตัวให้อัยการไม่ได้ ดังนั้น DSI มีทางเลือกที่จะให้ปล่อยตัวชั่วคราว(ประกันตัว)เอง หรือจะส่งไปฝากขังที่ศาลก็ได้ ส่วนการปล่อยชั่วคราวเป็นเรื่องของศาล (มาตรา 106) ตรงนี้ก็เป็นประเด็นอีก “จะจับสึกก่อนส่งศาล” หรือครับ คราวที่แล้วที่เป็นคดีก็ไม่มีการสึก หรือพระบางรูปถ้าถูกดำเนินคดีก็อาจไม่จำเป็นต้องสึก เท่าที่เห็นที่ถูกจับสึกส่วนใหญ่จะเป็นความผิดคาหนังคาเขา เช่น ดื่มสุรา เสพยาบ้า หรือกระทำชำเรากันจะๆ เพราะการปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อนำตัวไปฝากขังหรือฟ้องศาล เป็นอำนาจศาลที่พิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาต ถ้าจับสึกแล้วศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวล่ะ ใครจะรับผิดชอบ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องสึก กฎหมายมิได้บังคับ ทั้งนี้การปล่อยชั่วคราวเป็นหลักที่ผู้ต้องหาต้องได้รับ ส่วนการควบคุมหรือคุมขังเป็นข้อยกเว้น

“การที่ DSI หรือศาลจะสั่งไม่ปล่อยชั่วคราวต้องได้ความว่าพระธัมมชโยจะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น หรือหลักประกันไม่พอ (มาตรา 108/1) เห็นหรือยังครับว่าพอได้ตัวมาใช่ว่าจะเอาตัวไปส่งอัยการได้ทันที พออัยการรับตัวมาหรือได้คำให้การพระธัมมชโย ก็ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะออกคำสั่งฟ้องตามความเห็นเดิมหรือจะสั่งไม่ฟ้องเพราะพยานหลักฐานที่พระธัมมชโยแสดงพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ผิด ถ้าสั่งฟ้องและนำตัวไปฟ้องต่อศาล กระบวนการพิจารณากว่าจะพิสูจน์ว่า “พระธัมมชโยเป็นผู้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา” คงต้องใช้เวลาเป็นปีนะครับ เพราะนายศุภชัย (ศรีศุภอักษร) ถูกฟ้องตั้งหลายคดี มีการกระทำหลายกรรม มูลค่าความเสียหายเท่าที่ฟ้องแล้วเกือบสองพันล้าน พยานกี่ร้อยปาก เอกสารกี่พันฉบับ เอาล่ะครับนี่คือข้อเท็จจริง

Advertisement

“ทีนี้ถ้าศิษยานุศิษย์ทั้งหลายและพระธัมมชโยเองจะแสดงความสง่างาม ก็ไม่ควรขัดขวางกระบวนการยุติธรรม..การต่อสู้คดีของพระธัมมชโยซึ่งยังถือว่าเป็น “ผู้บริสุทธิ์”ตามรัฐธรรมนูญจนกว่าศาลจะพิพากษาก็ว่ากันไป ทั้งนี้เพื่อไม่เป็นเหตุให้วุ่นวาย..ก็มอบตัวเสีย เอารถเข็นผู้ป่วยไปรับท่าน ส่วนบรรดาศิษย์ทั้งหลายก็ตั้งแถวส่ง ติดตามไปดู แล้วใช้สิทธิในการรักษาพยาบาลอย่างที่ว่า จากนั้นก็ดำเนินการไปตามปกติด้วยความเคารพซึ่งกันและกันระหว่างภิกษุสงฆ์กับฆราวาสจะดีกว่ามั้ย ท่านธัมมชโยก็ยังคงอยู่ในสมณเพศได้อีกนาน ส่วนคนที่ชอบพูดชักใบให้เรือเสีย ข่มขู่อย่างโน้นอย่างนี้ก็เลิกเถอะ ยิ่งไม่รู้แล้วพูดมากก็วุ่นวายมาก อีกฝ่ายก็ไม่ไว้วางใจ ต้องเข้าใจนะครับการบังคับใช้กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาก็เพื่อรักษาความสงบของบ้านเมืองและเพื่อความยุติธรรมครับ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image