ศาลแพ่งสิ่งแวดล้อมไกล่เกลี่ยยุติคดี“บ่อขยะแพรกษา”ชาวบ้านกว่า2พันราย ยอมถอนฟ้อง10คดี

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายวรงค์พร จิระภาค อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง เปิดเผยว่า ศาลแพ่งจัดโครงการ “ร่วมใจไกล่เกลี่ยเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนยุติข้อพิพาทด้วยความเข้าใจอันดีต่อกัน โดยเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2560- วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่เสด็จพระราชดำเนินเหยียบศาลยุติธรรมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่26มกราคม 2495 และประทับบัลลังก์ศาลแพ่ง ทรงฟังการพิจารณาคดี อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งไกล่เกลี่ยต่อเบื้องพระพักตร์ คู่ความยอมผ่อนปรนให้กัน คดีสามารถตกลงกันได้เป็นคดีหมายเลขแดงที่ 74/2495 นับเป็นมงคลอันประเสริฐยิ่งที่ศาลแพ่งและคู่ความได้รับพระมหากรุณาธิคุณด้วย

นายวรงค์พร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เพื่อเป็นการน้อมนำพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของข้าราชการที่มีผลเกี่ยวเนื่องกับทุกข์สุขของประชาชน ศาลแพ่งแผนกคดีจัดการมรดก จึงเปิดทำการนอกเวลาราชการ โดยเปิดทำการในวันเสาร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คู่ความในคดีจัดการมรดกที่ไม่สามารถเดินทางมาศาลในวันเวลาราชการได้ โดยเริ่มรับคำร้องตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 และเริ่มนัดไต่สวนคำร้องขอจัดการมรดกตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ นายวรงค์พร กล่าวถึงคดีชาวบ้าน 12 หมู่บ้านในต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้บ่อขยะตำบลแพรกษา รวมตัวกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายกรมย์พล สมุทรสาคร, นายเด่นตรง ตั้งเด่นไชย, นางบุญไทย ตั้งเด่นไชย และองค์การบริหารส่วนตำบลแพรกษา เป็นจำเลยที่ 1-4 รวมทั้งหมด 11 สำนวนว่า ศาลแพ่ง แผนกคดีสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2558 และเนื่องจากคดีมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ในการเจรจาจึงได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมไปด้วย โดยผลการเจรจาประสบผลสำเร็จด้วยดี ฝ่ายโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องรวม10คดี และโจทก์ 2,000 กว่ารายได้รับการบรรเทาความเสียหาย รายละ 3,000 บาท ฝ่ายจำเลยจ่ายเงินไว้กับทนายความโจทก์แล้ว และทนายความโจทก์ได้ติดตามตัวโจทก์เพื่อมอบเงินบรรเทาความเสียหาย แต่ยังไม่สามารถติดตามตัวโจทก์ที่เหลืออีก141รายได้ ผู้เสียหายสามารถติดต่อรับจากทนายความ หรือศาลแพ่งแผนกคดีสิ่งแวดล้อมเพื่อประสานงานให้ต่อไป (โทร. 02-512-8235 , 02-541-2420 ต่อ 1304) และสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ www.civil.coj.go.th

นายวรงค์พร กล่าวต่อว่า ส่วนที่เหลืออีกคดี 1 คดีเป็นคดี หมายเลขดำที่ สว1/2558 อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำแผนการฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อม และอยู่ระหว่างการร่างข้อตกลงเพื่อเป็นเงื่อนไขในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อไป ทั้งนี้ คดีนี้ถือเป็นคดีตัวอย่างของคดีสิ่งแวดล้อม มีโจทก์ซึ่งได้รับความเสียหายรวม 2,349 ราย รวมทุนทรัพย์ทั้งหมด 235,895,610 บาท

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image