แจงวุ่น หมายเรียก ส.ว.ดัง ตร.ยันไม่ช้ารอหลักฐาน ชี้ถอนหมายว่อนของจริง

แจงวุ่น หมายเรียก ส.ว.ดัง ตร.ยันไม่ช้ารอหลักฐาน ชี้ถอนหมายว่อนของจริง ‘โรม’ แฉขบวนการอุ้มวันนี้

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. กล่าวถึงกรณีหนังสือชี้แจง พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท ดำเนินคดีกับ เครือข่ายตุน มิน ลัต และการยกเลิกหมายจับ สมาชิกวุฒิสภารายหนึ่ง เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า การดำเนินคดีกับเครือข่ายตุน มิน ลัต เริ่มจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สว.กก.2 บก.สส.บช.น. โดยสำนวนแรกเป็นคดีระหว่าง พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ผู้กล่าวหา กับ นายตุน มิน ลัต กับพวก รวม 10 คน ผู้กล่าวหามีการดำเนินการยื่นคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหา รวม 6 ราย ในฐานะเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวน (ชั้นการสืบสวนความผิดก่อนร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน) และต่อมาผู้กล่าวหาได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องหา รวม 4 ราย ก่อนจะส่งให้ บช.ปส.ดำเนินคดี (หลบหนี 2 ราย) และผู้กล่าวหามีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับวุฒิสมาชิกรายหนึ่งเพิ่มเติม 1 ราย รวมเป็น 7 ราย

พล.ต.ต.คมสิทธิ์กล่าวว่า ขอชี้แจงว่าอำนาจในการสอบสวนคดีนี้ มาตรา 20 ป.วิอาญา กฎหมายบัญญัติให้พนักงานอัยการมีอำนาจและหน้าที่ในการสอบสวนเช่นเดียวกับพนักงานสอบสวน บรรดาอำนาจและหน้าที่ประการอื่นที่กฎหมายบัญญัติไว้ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการ และให้พนักงานสอบสวนปฏิบัติตามคำสั่งและคำแนะนำของพนักงานอัยการ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการรวบรวมพยานหลักฐาน การดำเนินคดีในที่ประชุมจึงเป็นการดำเนินการโดยการเห็นชอบร่วมกันทั้งสิ้น

พล.ต.ต.คมสิทธิ์กล่าวว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในความผิดที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา 8 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิด และตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 180 บัญญัติไว้ต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดและ บช.ปส. ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการได้รับทราบแล้ว จึงต้องดำเนินการสอบสวนต่อไปด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรมตามกฎหมาย และต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

Advertisement

พล.ต.ต.คมสิทธิ์กล่าวอีกว่า ในนามของคณะทำงานร่วมกัน ผบก.ปส.3 ยังได้ยืนยันว่าในการดำเนินคดีดังกล่าวทั้งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการไม่มีบุคคลใดทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและฝ่ายผู้ต้องหา หรือผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่าย ทั้งตำรวจและพนักงานอัยการเข้ามากดดันการสอบสวน หรือสั่งการในการสอบสวนเพื่อช่วยเหลือบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น และผู้รับผิดชอบจะต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ

ด้าน พ.ต.ท.มานะพงษ์กล่าวว่า เอกสารที่หลุดมาเป็นเอกสารจริง แต่ยืนยันว่าเอกสารไม่ได้มาจากตำรวจ ไม่ทราบมาจากไหน ส่วนตัวกังวลใจบ้าง แต่ความรู้สึกก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ยืนยันในการทำหน้าที่ ทั้งนี้ สอบสวนและพิมพ์สำนวนเอกสารคดีนี้ทำตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ รายละเอียดตามที่แชร์กันออกไป เรื่องนี้ผู้บังคับบัญชายังไม่เรียกสอบถาม

พ.ต.ท.มานะพงษ์กล่าวด้วยว่า สำหรับการขอหมายจับและการถอนหมายจับที่เกิดขึ้นนั้น ต้องไปถามทางผู้พิพากษาและศาล เพราะขั้นตอนของตำรวจคือขอหมายจับ ตั้งแต่เป็นตำรวจรับราชการมาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ทุกอย่างก็ชี้แจงอยู่ในเอกสารแล้ว

Advertisement

“ไม่ใช่ผมไม่อยากตอบ แต่มันเป็นเรื่องวินัย ไม่สามารถให้รายละเอียดข่าวได้” พ.ต.ท.มานะพงษ์กล่าว

ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า วันที่ 13 มีนาคม เวลา 13.00 น. จะไปที่ บช.ปส.เพื่อแถลงข่าวถึงการช่วยเหลือ ส.ว.ทรงเอ ให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image