เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่สภาทนายความ ถนนพหลโยธิน ว่าที่ร.ต.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ เป็นประธานการจัดเสวนาเรื่อง”ศาลเตี้ยออนไลน์มือโพสต์จ่อคุกเหยื่อทุกข์ระทม” โดยว่าที่ร.ต.ถวัลย์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการหมิ่นประมาทผ่านไลน์กลุ่ม เมื่อเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ต้องมีความผิดทางอาญาและตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ดังนั้นก่อนแชร์อะไร ขอให้ใช้ความระมัดระวังด้วย เพราะเมื่อแชร์ออกไปแล้ว แม้จะลบทิ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามหาที่มาจนได้ ดังนั้นผู้โพสต์จึงพึงคำนึงถึงความเสียหายของผู้อื่นด้วย
ด้าน ผศ.พิจิตรา สึคาโมโต้ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันเกิดกระแสนักข่าวพลเมืองมากมาย มีการแชร์คลิปเหตุการณ์ที่พบมาแล้วส่งต่อกันโดยไม่กลั่นกรอง เมื่อเกิดความผิดพลาดทำให้เหยื่อที่ถูกโพสต์เสียหายนำไปสู่ความรุนแรงและเกิดความเกลียดชังและไล่ล่าหาตัวเหยื่อที่ถูกโพสต์ เช่น การลงภาพตัวบุคคลหรือภาพสถานที่ตั้งบ้านพัก ขอให้สื่อหลักเช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ อย่าเอาสื่อเหล่านี้มาสร้างเป็นประเด็นข่าวต่อ เพราะจะควบคุมไม่ได้ ที่สุดแล้วใครจะรับผิดชอบกับเหยื่อสื่อออนไลน์
ขณะที่ ว่าที่พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง อุปนายกสภาทนายความ กล่าวว่า การแชร์คลิปโดยไม่ตรวจสอบก่อน หากผิดพลาดจะเสียหายเกิดกระแสเกลียดชังที่ เรียกกันว่า “ไล่ล่าแม่มด” เช่น ไปล้อมบ้าน ทำร้ายร่างกายหรือทำลายทรัพย์สินของเหยื่อที่ถูกโพสต์ เข้าข่ายความผิด ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียอิสรภาพ ทำให้เสียทรัพย์และผิดกฎหมายอาญาฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณากับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่ยอมความไม่ได้ ส่วนคนที่โพสต์ครั้งแรกที่เอาความเท็จไปใส่ในระบบคอมพิวเตอร์ถือได้ว่า มีเจตนาเล็งเห็นผลว่าจะเกิดความผิดดังกล่าวได้ก็ต้องรับผิดฐานเป็นผู้ใช้ ผู้โฆษณา หรือตัวการด้วย ปัจจุบันกำลังมีการแก้ไขกฎหมายนี้ให้ผู้ดูแลหรือเว็บมาสเตอร์ชี้แจงว่าได้เอาใจใส่ดูแลแล้ว จึงจะได้ยกเว้นความผิด
ผู้สื่อข่ารายงานว่า จากนั้นได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจในข้อตกลงเรื่องความช่วยเหลือทางกฎหมายโดยให้เปล่าจากสภาทนายความกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์และสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือสื่อมวลชนที่ถูกกลั่นแกล้งฟ้องดำเนินคดีหมิ่นประมาท เพื่อให้หยุดการเสนอข่าวหรือถูกข่มขู่คุกคามอันเป็นการแทรกแซงและลิดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อ โดยสภาทนายความจะจัดทนายว่าความให้ฟรีในทุกชั้นศาล ทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา และคดีปกครองด้วย
