สอบ”แหม่มออสซี่”โดนรุมโทรม ปมหายจากวงจรปิด1ชม. สกรีนตุ๊กๆ20คันข้ามฝั่ง”พระนคร-ธนบุรี”

จากกรณี น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ23ปี ชาวออสเตรเลีย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน กรณีถูกคนขับรถตุ๊กๆพร้อมเพื่อนล่อลวงไปข่มขืน เหตุเกิดที่บริเวณ ข้างอาคารวัฎจักร(อาคารร้าง) ซอยบรมราชชนนี43 ถนนบรมราชชนนี แขวงและเขตตลิ่งชัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา11.30น.วันที่ 10 ธันวาคม ที่สน.ตลิ่งชัน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พ.ต.อ.ณัฐนันท์ นานาสมบัติ พ.ต.อ.เมธี รักพันธ์ รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.ภิญโญ ป้อมสถิตย์ ผกก.สส.น.7และพ.ต.อ.ธนวรรธน์ ตาระกา ผกก.สน.ตลิ่งชัน ประชุมชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามเร่งรัดคดี

โดย พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยหลังการประชุมชุดสอบสวนว่า จากการประชุมในวันนี้ทำให้ทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายมีการนั่งดื่มสุราที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านถนนข้าวสาร ตั้งเเต่ช่วงเวลา 21.30 น.ถึงเวลา 02.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ผู้เสียหายนั่งดื่มอยู่คนเดียว เเต่พอเดินออกจากร้านจากภาพในกล้องวงจรปิดพบว่าเดินออกมากับเพื่อนชายชาวต่างชาติ จากถนนข้าวสารมุ่งไปทางเเยกคอกวัว เป็นระยะทางประมาณ400เมตร ใช้ระยะเวลาเดินตามปกติประมาณ10นาที เเต่จากภาพวงจรปิดกลับจับภาพผู้เสียหายได้อีกครั้งโดยที่เวลาผ่านไป1ชั่วโมง ต้องสืบดูว่าระหว่างนั้นผู้เสียหายไปไหนมา

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า จากการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีในวันนี้ ยังต้องมีการสอบสวนสืบสวนเพิ่มอีกหลายประเด็น เช่น เรื่องกล้องวงจรปิด มีบางส่วนที่เห็นภาพผู้เสียหายก่อนเกิดเหตุอยู่ ตรงนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ทั้งหมดอีกครั้ง รวมถึงพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากร่างกายของผู้เสียหายว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่ เเละหากมี หลักฐานจะพิสูจน์ดีเอ็นเอว่าเป็นของคนทวีปอะไร เชื้อชาติอะไร อาจจะต้องรอผลอย่างเป็นทางการประมาณ20วัน

Advertisement

“ตอนนี้มีพยานเเวดล้อมผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งชาวไทยเเละต่างประเทศมีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอเอาไว้ เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้เสียหาย พบว่าผู้เสียหายยังให้การไม่ค่อยชัดเจน เนื่องจากอยู่ในอาการมึนเมา ทางพนักงานสอบสวนจึงเรียกผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งในวันนี้ โดยตนสั่งการให้ฝ่ายสืบสวน.สน.ตลิ่งชัน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.สส.น.7รวบรวมพยานหลักฐานเร่งรัดคดีให้มีความชัดเจน โดยเร็วที่สุดเพื่อภาพลักษณ์ของประเทศ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ จากข้อมูลที่ได้รับรายงานในช่วงเวลาใกล้เคียงตอนเกิดเหตุมีรถตุ๊กๆที่วิ่งจากฝั่งพระนครข้ามมาฝั่งธนบุรีจำนวน 20คัน เเต่ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงมากที่สุดมีรถตุ๊กๆจำนวน5คันที่วิ่งอยู่บริเวณดังกล่าว” ผบช.น.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากสุดท้ายเป็นกรณีกุเรื่องเท็จขึ้นมาจะมีการดำเนินการทางคดีหรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ที่ผ่านมาถ้าพบว่าไม่ใช่เรื่องจริง จะมีการดำเนินคดีกลับทุกครั้ง เเต่ตรงนี้ขอให้มองในเรื่องของการสืบสวนความจริงที่มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์เป็นอันดับเเรกก่อน เราต้องคำนึงถึงสิทธิผู้เสียหาย และไม่เป็นการซ้ำเติม อย่างรายละเอียดบางเรื่องที่เป็นเรื่องส่วนตัวเราก็ไม่สามาถเปิดเผยได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image