‘อนันต์ชัย’ เผยเหตุเป็นทนาย ‘ชูวิทย์’ ไม่ลังเล ขอเดินเคียงข้างทำสิ่งถูกต้อง แม้ไม่ถูกใจบางคน

อ่านเหตุผล ‘อนันต์ชัย’ รับเป็นทนาย ‘ชูวิทย์’ แบบไม่ลังเล ขอเดินเคียงข้างทำสิ่งถูกต้อง แม้ไม่ถูกใจบางคน

เมื่อวันที่ 6 เมษายน นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ระบุทางเฟซบุ๊กถึง “เหตุผล” ในการรับว่าความคดีต่างๆ ให้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง แม้ผู้ใหญ่หลายคนจะทักท้วงด้วยความเป็นห่วงก็ตาม

นายอนันต์ชัยระบุว่า มีคนถามว่าทำไม…???? ผมจึงเป็นทนายความให้คุณชูวิทย์ ผู้ใหญ่บางท่านก็ทักท้วงด้วยความเป็นห่วงผม ด้วยเห็นว่าคุณชูวิทย์เป็นเจ้าพ่ออาบอบนวด แต่ส่วนใหญ่สนับสนุนให้ผมเป็นทนายให้คุณชูวิทย์ ทำไมเสียงจึงแตก? ผมจึงศึกษาภูมิหลังคุณชูวิทย์อย่างจริงจัง…ทราบว่าคุณชูวิทย์เป็นคนที่ตั้งใจทำงานจะทำอะไรก็ทำจริงๆ กล้าได้ กล้าเสีย ยอมหักไม่ยอมงอ เคยประกอบธุรกิจอาบอบนวดโดยถูกกฎหมาย แต่ถูกตำรวจบางนายและข้าราชการบางหน่วยรีดไถให้ส่งส่วยมาโดยตลอด คุณชูวิทย์ไม่เคยพูด ไม่เคยแฉ ได้แต่อดทนๆๆ กระทั่งมีเรื่องคดีรื้อบาร์เบียร์ ซึ่งที่ดินดังกล่าวคุณชูวิทย์ได้กู้เงินซื้อมาโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ผู้ที่อยู่อาศัยกลับไม่ยอมออกจากที่ดินแม้จะพูดดีๆ แล้วก็ตาม

นายอนันต์ชัยกล่าวว่า เมื่อผู้อยู่อาศัยไม่เกรงกลัวกฎหมาย คุณชูวิทย์ไม่รู้จะทำอย่างไร จนได้รับคำแนะนำผิดๆ ของผู้มีสีบางคนว่าแบบนี้ต้องใช้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ดีมาดีตอบ ร้ายมาร้ายตอบ จนตัวเองพลาดพลั้งต้องถูกจำคุก คุณชูวิทย์จึงออกมาแฉการทุจริต คอร์รัปชั่นต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองให้สังคมได้ทราบ เป็นเหตุให้ผู้เสียผลประโยชน์โกรธกันยกใหญ่ กล่าวหาว่าคุณชูวิทย์เป็นคนไม่ดี คนสีเทา

Advertisement
อนันต์ชัย ไชยเดช

นายอนันต์ชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในระหว่างที่ถูกจำคุกคุณชูวิทย์เห็นว่าที่ดินดังกล่าวยังไม่สามารถพัฒนาทำประโยชน์อะไรได้ จึงได้นำที่ดินบางส่วนทำเป็น “สวนชูวิทย์” ซึ่งเป็นสวนส่วนบุคคล เพื่อให้ประชาชนย่านนั้นได้ใช้สำหรับพักผ่อนและออกกำลังกาย จัดให้มีเวลาเปิด-ปิดที่แน่นอน มีการดูแลบำรุงรักษาโดยเสียค่าใช้จ่ายเองเดือนละไม่ต่ำกว่า 8 แสนบาท และเสียภาษีทุกปี ไม่เคยใช้เงินของกรุงเทพมหานครเลย

“ผมถือว่าคุณชูวิทย์เป็นคนใจกว้างมาก การที่มีผู้มากล่าวหาว่าคุณชูวิทย์ได้อุทิศที่ดินดังกล่าวให้เป็นสวนสาธารณะแล้วเช่นนี้ ผมถือว่าคิดน้อย คิดไม่เป็น ใจแคบและมีอคติ เพราะไม่มีนักธุรกิจคนไหนหรอกที่จะลงทุนกู้เงินจำนวนมหาศาลมาซื้อที่ดินเพื่อจะยกให้เป็นสาธารณประโยชน์ ลองคิดดูก็ได้ว่า ถ้าเป็นคุณจะยอมกู้เงินมาซื้อที่ดิน เสียดอกเบี้ยมหาศาลให้ธนาคาร แล้วยกให้เป็นสาธารณประโยชน์ไหม?” นายอนันต์ชัยกล่าว

นายอนันต์ชัยกล่าวว่า เมื่อคุณชูวิทย์มาขอให้ผมเป็นทนายความให้ และบอกกับผมว่า “ผมเป็นองคุลิมาลกลับใจ” อีกทั้งคุณชูวิทย์ยังกล้าออกมาแฉพวกกลุ่มทุนสีเทาให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม พร้อมกับพูดเสมอว่าจะสู้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อฝากความดีไว้กับแผ่นดิน ดังนั้น ในสายตาของผมจึงมองว่าคุณชูวิทย์เป็นคนจริงและคนกล้า…กล้าที่จะยืนยันพูดความจริงโดยไม่หวั่นเกรงผู้มีอิทธิพลใดๆ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงตัดสินใจเป็นทนายความให้คุณชูวิทย์ โดยไม่ลังเลแต่อย่างใด

Advertisement

“ผมจะเดินไปด้วยกันกับคุณชูวิทย์ ‘ในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรม แม้ไม่ถูกใจบางคนก็ตาม’ ผมจึงอยากจะถามกลับไปว่าคุณจะให้คุณชูวิทย์เดินเพียงลำพังคนเดียวหรือครับ…?????

“คงไม่ต้องถามผมอีกนะครับว่าทำไม???? ผมจึงเป็นทนายความให้คุณชูวิทย์ และผมขอกราบขอบพระคุณท่านผู้ใหญ่และ FC ทุกความห่วงใยมา ณ ที่นี้ครับ” นายอนันต์ชัยกล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image