โฆษก ตร.แจงการแต่งตั้งนายสิบจบใหม่ลงหน่วยควบคุมฝูงชน เป็นการบริหารเพิ่มอัตรา แก้ไขปัญหาขาดแคลนกำลังพลของโรงพักเมื่อมีการชุมนุม และฝึกเตรียมความพร้อมงานตำรวจของ นสต. ชี้หากอยู่ครบวาระจะได้รับการแต่งตั้งไปประจำสถานีตำรวจ
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยถึงกรณีแนวทางจัดกำลังในตำแหน่งควบคุมฝูงชน (คฝ.) ว่าในห้วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีภารกิจในการดูแลและบริหารจัดการการชุมนุมสาธารณะในหลายพื้นที่ หลายการชุมนุมขนาดใหญ่จะระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศมาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมมีแนวโน้มสูงขึ้น และอาจมีระยะเวลาการชุมนุมติดต่อกันยาวนาน อันอาจส่งผลกระทบให้ขาดแคลนกำลังพลในสถานีตำรวจต่างๆ การปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเจ้าหน้าที่สายตรวจ สืบสวน จราจร หรืองานต่างๆ ในระดับสถานีตำรวจจะขาดกำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่
พล.ต.ท.อาชยนระบุว่า ตร. โดยกองอัตรากำลังพล จึงได้วิเคราะห์ภารกิจและกำหนดนโยบายในการเพิ่มอัตรากำลังที่จะดูแลการชุมนุมสาธารณะโดยเฉพาะ โดยพิจารณาจากจำนวนสถิติพื้นที่ที่มีการชุมนุมเกิดขึ้นจำนวนมาก หรือปริมาณผู้เข้าร่วมชุมนุมสูง ระยะเวลาหลายๆ วัน เพื่อกำหนดกรอบอัตรากำลังในการดูแลการชุมนุมเป็นการเฉพาะ ไม่ให้กระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนในระดับสถานีตำรวจ โดยหลีกเลี่ยงการใช้กำลังจากสถานีตำรวจให้น้อยที่สุด พร้อมกำหนดเพิ่มอัตรากองร้อยควบคุมฝูงชนในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และในจังหวัดอื่นๆ โดยกำหนดอัตราประจำ กก.สส.บก.สส. ภ.1, 2, 7 และอัตราประจำ กก.ปพ.บก.สส.เสมือนการดำรงตำแหน่งไว้ชั่วคราวเพื่อรอการลงประจำสถานีตำรวจ
โฆษก ตร.กล่าวว่า กรณีที่ไม่มีภารกิจการชุมนุม ตร.ได้กำหนดแนวทางให้ ผบช. หรือ ผบก.ต้นสังกัดสามารถบริหารจัดการให้กำลังดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในสถานีตำรวจได้ตามแต่ห้วงเวลา หรือให้สนับสนุนภารกิจการจัดกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ เช่น การรักษาความปลอดภัยในการจัดงานขนาดใหญ่ หรือการจัดชุดออกตรวจตราเสริมในพื้นที่อาชญากรรมสูง เป็นต้น
โฆษก ตร.กล่าวต่อว่า การนำนักเรียนนายสิบตำรวจ (นสต.) ที่จบการศึกษาใหม่มาลงในตำแหน่งกองร้อย คฝ. จะเป็นการเตรียมความพร้อมด้านงานป้องกันปราบปราม ยุทธวิธีตำรวจ การใช้อุปกรณ์ เครื่องมือพิเศษต่างๆ เตรียมความรู้ด้านข้อกฎหมาย การตรวจค้น การจับกุม การติดต่อสื่อสารและการทำงานเป็นทีมเพิ่มเติม และเพิ่มทักษะความเข้าใจและอดทนต่อสถานการณ์ต่างๆ ก่อนจะปฏิบัติหน้าที่งานป้องกันปราบปราม จราจร สืบสวน สอบสวน ในสถานีตำรวจ
โฆษก ตร.กล่าวว่า เมื่อปฏิบัติหน้าที่ครบตามวาระประจำปีก็จะแต่งตั้งหมุนเวียนไปสถานีตำรวจเป็นวงรอบ สับเปลี่ยนกำลังพลไปปฏิบัติหน้าที่ในสถานีตำรวจ หรือสามารถพัฒนาเป็นครูฝึกยุทธวิธีตำรวจต้นแบบให้กับสถานีตำรวจ หรือ นสต.รุ่นอื่นๆ ต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง