วันที่ 30 ธันวาคม 2559 เมื่อเวลา 13.25 น. ร.ต.อ.สุชาติ ซ้อนพุทรา ร้อยเวรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ได้รับแจ้งมีเหตุคนงานก่อสร้างยกพวกรุมทำร้ายร่างกายกัน ภายในที่พักคนงาน ของบริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย หลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมประสานอาสาสมัครหน่วยกู้ภัย ฮุก 31 ประจำจุดตำบลโคกกรวด รุดไปให้ความช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุเป็นแคมป์คนงานก่อสร้างขนาดใหญ่ มีห้องพักคนงานก่อสร้างด้วยสังกะสี มากกว่า 100 ห้อง พบคนงานก่อสร้าง ส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา จำนวนกว่า 50 คน กำลังรุมทำร้ายร่างกายกัน ซึ่งพอเห็นเจ้าหน้าที่ คนงานทั้งหมดได้พากันวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง เหลือเพียงร่างคนงานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายเน็ก ไม่ทราบนามสกุล อายุ 23 ปี และ นายบอย ไม่ทราบนามสกุล อายุ 25 ปี คนงานชาวกัมพูชา มีบาดแผลจากการถูกของแข็งมีคมแทงเข้าที่ร่างกายหลายแห่ง เจ้าหน้าที่จึงรีบช่วยเหลือนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา และยังพบร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายชัย นวล อายุ 18 ปี ถูกของแข็งมีคมแทงเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายจนทะลุหัวใจ เสียชีวิตคาที่ ส่วนผู้ที่ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงจนมีผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ เบื้องต้น ทราบว่าเป็น นายตี ไม่ทราบนามสกุล อายุ 20 ปี คนงานก่อสร้างชาวกัมพูชา ซึ่งหลังก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าบริเวณด้านหลังที่พักคนงาน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งกระจายกำลังกันออกติดตามจับกุมแล้ว
จากการสอบถาม นายสำรวย สิงขร อายุ 41 ปี หัวหน้าดูแลคนงานก่อสร้าง ทราบว่า ที่พักคนงานแห่งนี้ให้คนงานก่อสร้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา จำนวนกว่า 100 คน พัก โดยก่อนเกิดเหตุ คนงานก่อสร้างทั้งหมดอยู่ในระหว่างรอรับเงินเดือน และเตรียมเดินทางกลับไปฉลองเทศกาลปีใหม่ที่บ้านเกิด โดยกลุ่มคนงานที่ก่อเหตุครั้งนี้ มี2 กลุ่ม คือ กลุ่มของผู้เสียชีวิต และกลุ่มของผู้ก่อเหตุ ที่มีพรรคพวกมาร่วมกันข้างละกว่า 20 คน ซึ่งทั้ง 2 กลุ่ม ได้มีการดื่มสุรากันก่อนหน้านี้ ก่อนที่ทั้งหมดจะยกพวกเข้ารุมทำร้ายร่างกายกัน ซึ่งมีคนงานเห็นนายตี ผู้ก่อเหตุได้อาศัยจังหวะที่ นายชัย ผู้ตายกำลังเผลอ จึงเดินเข้าไปใช้มีดจ้วงแทงที่หน้าอกอย่างแรง ก่อนที่ร่างนายชัยจะล้มลง แต่ก็ยังถูกพวกของนายตี เข้ามารุมทำร้ายร่างกายอีกหลายครั้ง ก่อนที่ทั้งหมดจะวิ่งหลบหนีไป
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามกระจายกำลังออกติดตามจับกุมผู้ที่ร่วมก่อเหตุทั้งหมด โดยสามารถติดตามจับกุมมาได้แล้วกว่า 10 คน ซึ่งที่เหลือจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
