ลุงพล ป้าแต๋น กลับบ้านกกกอก เตรียมทำบุญ ก่อนฟังคำตัดสินคดีฆ่าน้องชมพู่พรุ่งนี้ เผยไม่ได้คุยกับครอบครัว ต่างคนต่างอยู่
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ธันวาคม ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงความรู้สึก หลังจากวันพรุ่งนี้ (20 ธันวาคม) ศาลจังหวัดมุกดาหารนัดฟังคำพิพากษาข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร, ทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปีไว้ ณ ที่ใดเพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตนโดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแลเป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย, ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทําให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป หลังจากเลื่อนมาจากวันที่ 31 ตุลาคม
นายไชย์พลกล่าวว่า เมื่อคืนนี้เป็นครั้งแรกในรอบเดือนที่มานอนบ้านกกกอก ความรู้สึกก็เหมือนปกติทุกครั้ง เพราะได้กลับบ้านหลังแรก เมื่อกลับมาก็ยังไม่ได้เจอครอบครัว หรือชาวบ้านมากนัก และตนไม่อยากพูดคุยกับชาวบ้านมาก กลัวว่าจะเป็นการไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักในคดี เนื่องจากชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่เป็นพยานที่เกี่ยวข้องในคดี วันนี้เป็นวันที่ทนายจะมาถึง ตนวางแพลนไว้ว่าจะไปไหว้พระพุทธชินราชที่วัดบ้านกกกอก
เมื่อถามว่า อยากจะไปไหว้น้องชมพู่หรือไม่ ลุงพลตอบว่า ไม่อยากไปวุ่นวาย เพราะเป็นสิทธิของครอบครัวเขา แต่ทุกครั้งที่ทำบุญก็จะอุทิศส่วนกุศลให้น้องชมพู่อยู่เสมอ
“ยังยืนยันความบริสุทธิ์ใจแบบล้านเปอร์เซ็นต์ว่าผมไม่ได้ทำ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีแน่นอน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ศาลจะอ่านคำพิพากษา ลุงกับป้าก็รอคอยมาตลอด ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา พรุ่งนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น เราเตรียมแผนการรองรับไว้แล้วว่าหากคำตัดสินออกมาแล้วลุงกับป้าจะต้องติดคุกก็เตรียมนายประกันเพื่อประกันตัวออกมาแล้ว เนื่องจากเราไม่มีเงินสดมากนัก ก่อนจะขอต่อสู้ตามกระบวนการของกฎหมายต่อ และในวันที่ 21 ธ.ค. จะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญตามความเชื่อของคนอีสาน ที่วังปู่ปาริจิต หลังจากสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว เชื่อว่าทุกอย่างชัดเจน ผมไม่มีความเครียด หรือความกังวลใดๆ แล้ว” ลุงพลกล่าว
ด้าน น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น กล่าวว่า วันนี้มานอนที่บ้านกกกอก กลับมาบ้านทั้งทีก็อยากไปแก่งกอก นึกถึงเพราะว่าเป็นสถานที่ที่สวยงาม บรรยากาศดี สดชื่น เนื่องจากตนอยู่ที่วังปู่ปาริจิตไม่ได้มีธรรมชาติแบบนี้ ที่นู่นเป็นชุมชน อากาศจะร้อนมากกว่า เช้านี้ก็ได้เอาสวิงไปช้อนกุ้งฝอยมา ถือเป็นวิถีชุมชนของตนในสมัยก่อน รู้สึกชอบอาศัยอยู่บ้านกกกอกมากกว่า
“ครอบครัวของทุกคนอยู่ที่นี่ แต่เราก็ไม่ได้เข้าไปคุยอะไรมากมาย เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากัน เรามีความสุขที่จะอยู่ตรงนี้ ส่วนอีกฝ่ายก็มีความสุขดีแล้ว ไม่อยากทำให้เขาไม่สบายใจ เราพยายามพูดมาตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็อยู่ที่ครอบครัวว่าจะทำความเข้าใจและกล้าออกมาพูดกันไหม ถ้าไม่กล้าก็ให้เขาอยู่ตรงนั้น
ลุงกับป้าก็อยู่กับครอบครัว สบายดี
“ส่วนวันพรุ่งนี้ก็อยากให้สังคมได้รู้อย่างชัดเจนว่าผลออกมาเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าจะไม่เคลียร์กับทุกคน แต่เชื่อว่าคำตัดสินของศาลจะกระจ่างมากขึ้น เราพร้อมยอมรับในคำตัดสินนั้น เชื่อว่าความยุติธรรมยังมีอยู่ในประเทศไทย” ป้าแต๋นกล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง