ผบช.ภ.2 ตั้งกก.สอบปมใช้ถุงดำคลุมหัวลุงเปี๊ยกแล้ว ให้เวลา 3 วัน ลั่นผิดจริงฟันทั้งอาญา วินัย ส่วนคดีอื่นก็ให้ดำเนินการตามกม. เผยเตรียมแผนปิดล้อมแก๊งเด็ก 20 คนในกลุ่มนี้ต่อ
จากกรณีเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 18 มกราคม พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภาค 2 ได้เดินทางไปยัง กก.ภ.จว.สระแก้ว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากกรณี 5 ทรชนฆ่าป้าบัวผันโดยเฉพาะประเด็นการใช้ถุงดำคลุมศีรษะ การล่ามโซ่ การขังในห้องเย็น เพื่อให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพ ตามคลิปเสียงทีมีการแชร์ต่อๆ กันในโซเชียลนั้น
ต่อมาในช่วงเย็นของวันเดียวกัน พล.ต.ท.สมประสงค์ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับถึงกรณีมูลนิธิวินวิน ออกมาเปิดเผยข้อมูลกล่าวหาตำรวจนั้น ว่า ล่าสุดตำรวจภูธรภาค 2 ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ โดยมี พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 เป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยตนลงมาตรวจสอบเรื่องนี้เพราะสังคมให้ความสนใจเรื่องนี้อย่างยิ่ง โดยจะให้เวลาคณะทำงาน 3 วันในการดำเนินการ โดยมีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีมาพบและสอบสวนหาข้อเท็จจริง
ส่วนกรณีของนายดาบตำรวจนายหนึ่ง ที่มีการเรียกมาสอบสวนนั้น เนื่องจากนายดาบคนนี้เป็นหนึ่งใน จนท.ที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ไปหาข้อเท็จจริงว่ามีใครร่วมกระทำความผิดบ้าง เรามองว่าลุงเปี๊ยกได้กระทำผิดหรือไม่ ต้องการตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ไม่ได้สอบถามว่าทำอะไรกับลุงเปี๊ยกบ้าง ซึ่งเบื้องต้นตอนนั้นเราไม่ได้สอบถาม จึงจะเอาเรื่องนี้ไปประกบกัน ตอนนี้กระบวนการก็จะมาตรวจสอบว่า กระบวนการตั้งแต่พาลุงเปี๊ยกมาโรงพัก เป็นผู้กระทำความผิดในคดีนี้หรือไม่ คณะกรรมการกำลังตรวจสอบว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งตามกระบวนการก็ต้องหาคนใกล้ชิดว่ามีสาเหตุโกรธเคืองหรือเปล่า ผู้ตายในสังคมของคนอรัญรู้จักกันดี เพราะฉะนั้นเขาก็รู้ว่าลุงเปี๊ยกใกล้ชิดกับผู้ตายที่สุด ก็เลยเชิญมาซักถาม ซึ่งผิดถูกว่าเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่ ตำรวจไม่ได้เกี่ยวข้อง หากเป็นความก็ต้องเป็นอำนาจของหน่วยงานยุติธรรม
ผบช.ภาค 2 กล่าวถึงการสอบสวนกรณีคลิปว่า คนนอกจะเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะตนดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ซึ่งไม่ได้ให้อำนาจคนนอกเข้ามายุ่งเกี่ยว เป็นเรื่องของการดำเนินการทางวินัย ถ้าเกี่ยวข้องกับคดีอาญา ก็ต้องดำเนินการคดีอาญาไป ถ้าผิดทั้งวินัยและอาญา ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ซึ่งตนยืนยันว่าต่อไปผลการสอบจะไม่มีมวยล้อมต้มคนดูอีก พยานหลักฐานชัดเจน ขณะนี้ได้พูดคุยกันว่าในเรื่องของคดีหลักจะเดินไปทางไหน กรณีของนายเปี๊ยกจะทำอย่างไร เพราะสังคมรอดูอยู่ เพราะการกระทำของกลุ่มเหล่านี้โหดร้ายทารุณ ควรจะต้องเร่งสำนวนนี้ให้จบก่อน แล้วถ้าพิสูจน์ได้ด้วยหลักฐานว่ากลุ่มนี้ทำ ก็ต้องมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายเปี๊ยกด้วย เพราะปัจจุบันเขายังเป็นผู้ต้องหาอยู่ แม้จะมีหมายปล่อยไปแล้ว ซึ่งหลังจากคณะกรรมการของ พล.ต.ต.ฉัตรชัย มีผลออกมาแล้วภายใน 30 วัน ควบคู่กันไป หากผลออกมาว่าตำรวจได้ทำจริงตามที่ให้สัมภาษณ์ พนักงานสอบสวนมองว่า เข้าข่ายความผิดทางอาญา พ.ร.บ.ทรมาน ต่างๆ ก็มีการแจ้งความดำเนินคดีเหมือนกับผู้กระทำผิดทั่วๆ ไป โดยผู้ที่มีเสียงอยู่ในคลิปเสียง จะต้องเชิญตัวมาสอบบุคคลแรกเลยว่าคุณเกี่ยวข้องรู้เห็นตรงไหนอย่างไร ซึ่งต้องเริ่มจากคนนี้ก่อนเลยเพราะเป็นคนพูดเปิดประเด็น ที่พูดไปเป็นประจักษ์พยาน มีพยานแวดล้อมตามที่พูดไปหรือพูดด้วยสาเหตุใด
ส่วนของรองสารวัตรที่เป็นพ่อของเยาวชน วันนั้นพาลูกไปเที่ยวเขาใหญ่ หรือเป็นการพาหนี และในวันเกิดเหตุได้อยู่ตรงนั้นหรือไม่ ซึ่ง ผบช.ภาค 2 กล่าวว่า จากการตรวจสอบ รองสารวัตรพาลูกไปเขาใหญ่จริง ไปเที่ยว ผู้บังคับบัญชาก็ได้ติดตามว่าลูกชายได้กระทำผิด ก็พามามอบตัวเลย ซึ่งในวันที่พาลุงเปี๊ยกไปชี้จุดไม่ได้อยู่ด้วย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี ไม่ได้พาหนี พอตำรวจโทรตามก็พาตัวมอบอีกวัน ในส่วนของกรณีลุงเปี๊๊ยกนั้น ตอนนี้อยู่ที่สถานบำบัดฯที่ จ.ปทุมธานี ตอนนี้คณะกรรมการเริ่มสอบปากแรกคือ เจ้าของคลิปเสียง ส่วนลุงเปี๊ยก ก็ต้องสอบว่า ถูกกระทำตามคลิปเสียงหรือไม่ เพราะเป็นประจักษ์พยาน
“ดังนั้น เพื่อความยุติธรรมของทั้งสองฝั่ง กับสังคมและพี่น้องประชาชน เราก็ตั้งคณะกรรมการจากส่วนกลางมาเพื่อสอบสวนเรื่องนี้ หากสื่อมวชชนพบว่า มีตำรวจไปสั่งการผู้ประกอบการไม่ให้ ให้คลิปกับสื่อมวลชนก็ส่งมาได้เลย ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนและแจ้งความคดีข่มขืนเด็กอายุ 12 ปี และคดีอนาจาร คดีทำร้ายร่างกายและคดีอื่นๆ เด็กกลุ่มนี้ไม่ได้ไปทั้ง 5 คน บางเคสไปคนเดียว บางเคสไม่ได้ไป เหตุเกิดในปี 2566 ผู้ต้องหาได้มาแจ้งความ ก็ได้ดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานไป ส่วนการข่มขู่ขอให้มาพบเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการ เพราะมีกฎหมายคุ้มครองพยานอยู่ ถ้าไม่ได้รับความปลอดภัยเราอาจจะจัดที่พักให้ มีตำรวจคอยดูแล ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากไม่ไว้ใจสถานีตำรวจอรัญประเทศ ก็มาพบผู้การสระแก้ว หรือตนเอง สามารถแจ้งข้อมูลได้ตลอด ส่วนแนวทางในการกวาดล้างแก๊งเยาวชนต่าง ๆ ขณะนี้เตรียมแผนเพื่อดำเนินการปิดล้อม ตรวจค้น ดำเนินการตามกฎหมาย และบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก เพราะกลุ่มนี้มีประมาณ 20 คน ไม่ใช่ 4-5 คน” ผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค 2 กล่าว