สามแม่ลูกตระกูลพรประภา ดอดพบตำรวจ ปอศ. เข้ารับทราบข้อหา หลังมีชื่อพัวพันคดีหุ้นมอร์ ออกหมายจับ ‘ปิงปอง อภิมุข’ ตัวการสำคัญปั่นหุ้น เร่งแกะรอยไล่ล่าตัว
จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบพบความผิดปกติเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) ในช่วงระหว่างวันที่ 18 ก.ค.2565-10 พ.ย.2565 ที่ส่อเค้าเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย จนมีการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ก่อนที่ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับเรื่องเป็นคดีพิเศษ กระทั่งสำนักนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเข้าร่วมคณะทำงานเพื่อเร่งรัดคลี่คลายคดีดังกล่าวให้ได้โดยเร็วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 22 มกราคม นางอรพินธุ์ พรประภา พร้อมด้วย นายเอกภัทร หรือ ไฮโซคิม และ นายอธิภัทร พรประภา บุตรชายทั้งสอง เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. ตามหมายเรียกของคณะพนักงานสอบสวน เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ, อั้งยี่ซ่องโจร และร่วมกันฉ้อโกง หลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเชื่อมโยงกับคดีดังกล่าว
นายเอกภัทรกล่าวว่า วันนี้เป็นการมาเข้าพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หลังตกเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ผ่านมาตนบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยหนี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อย่างที่รู้กันว่าผมมีพื้นฐานที่ดี เรื่องที่เกิดขึ้นถ้าไม่บริสุทธิ์ใจจริงก็คงไม่มา ส่วนข้อเท็จจริงต่างๆ จะขอชี้แจงกับตำรวจ ซึ่งเตรียมพยานหลักฐานและข้อมูลมาไว้หมดแล้ว
“ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนกับ นายอภิมุข บำรุงวงศ์ หรือ ปิงปอง ยอมรับว่ารู้จักกันจริง แต่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ประมาณ 3-4 เดือนเท่านั้น ที่ผ่านมาไม่เคยเล่นหุ้น ปกติครอบครัวจะเป็นคนลงทุนโดยใช้ชื่อของผม กระทั่งเห็นว่าขาดทุนจึงหันมาบริหารดูแลเอง แต่เนื่องจากเป็นคนกระหายความสำเร็จ จับปลาหลายมือ จึงไปจ้างคนมาดูแลเรื่องการลงทุนแทน จึงทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ถือเป็นบทเรียนสำคัญ” นายเอกภัทรกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกนายอภิมุขแล้ว แต่ไม่มีการตอบรับ หรือให้ความร่วมมือ เข้าข่ายมีพฤติกรรมหลบหนี จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ ในความผิดฐาน “สร้างราคาหลักทรัพย์ อั้งยี่ซ่องโจร และร่วมกันฉ้อโกง” ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการสืบสวนแกะรอยตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป