ฉาว! จับ ‘เจ๊เก่ง’ รองผอ.โรงเรียนดัง ร่วมมือแก๊งเกย์ ลวงแพทย์เล่นยา-มั่วเซ็กซ์ จนหมดตัว

พีคทุกตอน! จับ ‘เจ๊เก่ง’ รองผอ.โรงเรียนดัง หัวหน้าแก๊งขายยา จับมือ ‘เกย์ท็อป’ ลวงแพทย์เล่นยา-มั่วเซ็กซ์ จนหมดตัว อึ้ง! ยึดของกลาง 

สืบนครบาลร่วมกับ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) นำกำลังบุกทลายแหล่งมั่วสุมยาเสพติดและมั่วเซ็กซ์ของก๊วนข้าราชการเกย์ รวบตัว “เจ๊เก่ง” หัวหน้าแก๊งระดับหัวจ่าย ซึ่งเป็นข้าราชการครูระดับรองผู้อำนวยการของโรงเรียนชื่อดังย่านปากเกร็ด พร้อมกับสมุนเอก “เกย์ท็อป” หลังเจ้าตัว ลวงวงการแพทย์ LGBTQ+ หลอกเป็นหมอตำรวจอายุรกรรมโรคหัวใจ ตระเวนสร้างสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบชายรักชายกับเหล่าบุคลากรทางการแพทย์ หลอกล่อให้เสพยาเสพติด จนตกเป็นเหยื่อสิ้นเนื้อประดาตัว หลังจับกุม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ขยายผลพบมีข้าราชการมั่วสุมยาเสพติดกับก๊วนเกย์นี้เพียบ

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.-หัวหน้าชุด ศอ.ปส.ตร. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว

1.นายเศรษฐยศ หรือเจ๊เก่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังย่านปากเกร็ด อายุ 42 ปี ชาว จ.นนทบุรี
2.นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือท็อป อายุ 37 ปี ชาวบางเขน จ.กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ คือหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.318/2564 ลงวันที่ 20 มิ.ย. 64 ข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและพยายามจำหน่าย” และหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.189/2564 ลงวันที่ 12 ต.ค. 64 ข้อหา “พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ-เมทแอมเฟตามีน)”
ประวัติถูกดำเนินคดียาเสพติดกว่า 4 คดี
1. พ.ศ.2557 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ครอบครองยาเสพติด (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่าย” พื้นที่ สน.สุทธิสาร
2. พ.ศ.2560 ถูกดำเนินคดีข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1” พื้นที่ สน.สุทธิสาร
3. พ.ศ.2562 ถูกดำเนินคดีข้อหา “มียาเสพติดประเภท 1 (แอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครอง” พื้นที่ สน.บางโพงพาง
4. พ.ศ.2564 ถูกดำเนินคดีข้อหา “มียาเสพติดประเภท 1 (แอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย” พื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ

Advertisement

โดยทั้งสองถูกแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย”

ตรวจยึดของกลาง จำนวน 10 รายการ
1.ยาเสพไอซ์ ประมาณ 100 กรัม (ลักษณะใส่ถุงเตรียมแบ่งขาย)
2.คีตามีน จำนวน 2 ถุง
3.เงินสด 31,500 บาท
4.สมุดบัญชีธนาคาร 5 เล่ม (พบเงินหมุนเวียน 1.3 ล้านบาทใน 3 เดือนที่ผ่านมา)
5.ถุงยางอนามัย จำนวน 200 ชิ้น
6.เจลหล่อลื่นบรรจุซอง จำนวน 100 ซอง
7.ไวอากร้า จำนวน 50 ซอง
8.เข็มฉีดยาพร้อมสายยางรัด จำนวน 100 เข็ม
9.Eternal Drive จำนวน 6 อัน (บรรจุหนังลามกประเภทชายรักชายรวม 6 TB)
10.อุปกรณ์การเสพยาเสพติดและเครื่องชั่งอีกหลายรายการ

โดยเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ที่ ห้องหนึ่งในคอนโดมิเนียม ย่านรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี

Advertisement

สำหรับพฤติการณ์ดังกล่าวคือ สืบนครบาลร่วมกับ (ศอ.ปส.ตร.) บุกทลาย รังที่มั่วสุมยาเสพติดและมั่วเซ็กซ์ของเหล่าข้าราชการ “ชายรักชาย” ย่านนนทบุรี โดยจับกุมหัวหน้าแก๊งเป็นถึงข้าราชการระดับ รอง ผอ.รร.ดังย่านปากเกร็ด โดยจุดเริ่มต้นมาจาก “เกย์ท็อป” ผู้เขย่าวงการแพทย์ LGBTQ+ หลังเจ้าตัวแอบอ้างว่าตนเป็นแพทย์อายุรกรรมโรคหัวใจโรงพยาบาลดัง ก่อนจะสร้างสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบชายรักชายกับเหล่าบุคลากรทางการแพทย์หนุ่มแล้วหลอกล่อให้เสพยาเสพติด

โดยรายล่าสุดถูกลวงให้เสพยาเสพติด “โดยอ้างว่าเป็นยาบำรุง” กระทั่งเหยื่อติดสารเสพติดงอมแงม ตกเป็นทาสกามแบบถอนตัวไม่ขึ้น ถูกหลอกให้ถ่ายคลิปลับ ถูกหลอกถลุงเงินไปหลายล้านบาทเพื่อแลกกับการได้เสพยา จนเหยื่อแทบสิ้นเนื้อประดาตัว

ซึ่งจากการสืบสวนติดตามทราบว่าเกย์แสบรายนี้คือ นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือท็อป ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ 2 หมายในคดีค้ายาเสพติด เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ส่งเจ้าหน้าที่อำพลางแฝงตัวเข้าวงการเก้งกวางจนพบได้เบาะแสว่า เกย์แสบรายนี้เป็นสมุนของเอเย่นตัวเป้งย่านปากเกร็ด และเอเย่นรายนี้ยังมีดีกรีเป็นถึงข้าราชการ โดยมักรวมพลเหล่าข้าราชการเกย์ในก๊วน มามั่วสุมปาตี้ยาเสพติดกันอยู่ในคอนโดแห่งหนึ่งบน ถ.รัตนาธิเบศร์

ต่อมาวันที่ 26 มี.ค. 67 พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงนำกำลังชุดสืบนครบาลบุกไปที่ห้องพักที่ใช้มั่วสุมดังกล่าว โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเคาะประตูภายในห้องพักไหวตัวทำลายพยานหลักฐานไปบางส่วน

แล้วเมื่อเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปได้ก็พบ นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือเกย์ท็อป อยู่ภายในห้องกับหัวหน้าก๊วนคือ นายเศรษฐยศ หรือเจ๊เก่ง ซึ่งเป็นข้าราชการครูระดับ รอง ผอ. ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด

โดยแรกเริ่มเจ้าตัวมีท่าทีบ่ายเบี่ยงกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่เมื่อทำการตรวจค้นห้องพักก็พบยาเสพติดหลายรายการในลักษณะเตรียมแบ่งขายหลายรายการ พบสมุดบันทึกการซื้อขายยาเสพติดจำนวนมาก และยังพบยากระตุ้นอารมณ์ ถุงยาง เจลหล่อลื่น และหนังโป๊ชายรักชายจำนวนมาก

โดย เจ๊เก่ง อ้างว่าอุปกรณ์ต่างๆ นั้นไว้ใช้สอนหนังสือในโรงเรียน แต่จากการขยายผลของชุดจับกุมพบว่าเจ๊เก่งเป็นถึง “ระดับหัวจ่าย” ที่คอยส่งยาเสพติดให้กับข้าราชการอีกหลายคน โดยพบเงินหมุนเวียนในห้วงเดือนที่ผ่านมาเป็นจำนวนกว่า 1,300,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบสารเสพติดในร่างกายของทั้งสองพบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งท้ายสุดทั้งสองก็ยอมจำนนและรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมในที่สุด

ในชั้นจับกุม นายเศรษฐยศ หรือเจ๊เก่ง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ปัจจุบันตน ประกอบอาชีพรับราชการครูตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด สอนวิชาการงานอาชีพให้แก่เด็กชั้นประถมศึกษา โดยตนเริ่มเสพยาตั้งแต่กลางปี พ.ศ.2566 และเริ่มสั่งยาเสพติดมาจากทวิตเตอร์มาขายในช่วงต้นปี พ.ศ.2567 ซึ่งนำมาขายให้เพื่อน วัยรุ่น และข้าราชการ ย่านรัตนาธิเบศ

จนถึงปัจจุบันตนยังคงรับราชการครูอยู่และยังขายยาเสพติดไปด้วย และได้รู้จักกับเกย์ท็อป เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน พ.ศ.2566 โดยนายท๊อปได้ไปไปมามาที่ห้องของตนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนได้นำยามาขายให้กับนายท็อป และให้นำไปขายเรื่อยมา”

ในชั้นจับกุม นายกฤตฌาน์พัฒน์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเกิดที่กรุงเทพฯและโตที่กรุงเทพฯ เข้าเรียนชั้นอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิต คณะวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อจบการศึกษาได้ออกมาประกอบอาชีพออแกไนซ์จัดงานเป็นระยะเวลา 1 ปี จึงได้เรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวันจนจบปริญญาโท ได้ประกอบอาชีพอยู่ที่บริษัทประกัน

จากนั้นตนเริ่มใช้ยาเสพติด เกี่ยวข้องกับยาเสพติดต่อเนื่องมาจนชีวิตเริ่มดำดิ่ง กระทั่งถูกดำเนินคดีขณะเสพยาอยู่กับกลุ่มเพื่อนในปี พ.ศ.2557 ติดคุกอยู่ 1 ปี 3 เดือน หลังจากออกมาจากเรือนจำในปี พ.ศ.2558 ตนพยายามหางานเพราะไม่ต้องการเป็นภาระของทางบ้านแต่ไม่สามารถหางานได้เนื่องจากตนเคยติดคุกมา เมื่อไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ตนจึงได้หวนกลับมาในเส้นทางเดิมโดยการเริ่มขายยาเสพติด

จนเริ่มคบหาดูใจกับแฟนหนุ่มซึ่งประกอบอาชีพแพทย์มา 2 คน และได้เลิกรากันโดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้ไปหลอกลวงเหล่าแพทย์ชาย แต่เพราะพวกหมอเหล่านั้นติดยาเสพติดที่ตนเอาไปให้เอง และต่อมาได้มารู้จักกับครูเก่ง และตนก็มารับยาจากครูเก่งไปขายเป็นประจำ โดยขายให้กับกลุ่มเพื่อน จนในที่สุดตนได้ถูกออกหมายจับ และถูกจับกุมตัวส่งศาลแต่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ตนจึงได้หลบหนีในขณะที่ศาลให้ประกันตัวเป็นระยะเวลา 2 ปี จนมาถูกจับในวันนี้”

หลังจับกุมตัว ได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “กลุ่มผู้ต้องหาเป็นคนที่มีตำแหน่งหน้าที่ทางสังคม มีความรู้ และยังมีการสร้างเครือข่ายโดยการใช้ความเชื่อมโยงทางจิตใจเพราะเป็นกลุ่มที่มีรสนิยมเดียวกัน และส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าราชการเจ้าหน้าที่

และที่น่ากลัวที่สุดคือระดับหัวหน้าขบวนการเป็นครูที่ต้องเป็นแม่พิมพ์ให้กับเหล่าอนาคตของชาติ และยังมีตำแหน่งระดับสูงในโรงเรียน ถือเป็นภัยต่อเยาวชนที่ยังศึกษาอยู่ในโรงเรียนอย่างยิ่ง เราจะขยายผลให้ถึงที่สุด จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากผู้ใดมีเบาะแส โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image