‘บิ๊กต่อ’ มอบ ‘อัจฉริยะ’ นำทีมทนายฟ้องหมิ่น ‘ทนายตั้ม’ เรียก 5 ล้าน นัดไต่สวน 10 มิ.ย.

‘บิ๊กต่อ’ มอบอำนาจ ‘อัจฉริยะ’ ยื่นฟ้อง ‘ทนายตั้ม’ ที่ศาลอาญาใต้ ฐานหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน หลังถูกกล่าวหาว่ามีเส้นเงินจากเว็บพนันเส้นเงินโยงคนใกล้ชิด นัดไต่สวนมูลฟ้องในบ่ายวันที่ 10 มิ.ย.นี้

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 มีนาคม ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในฐานะผู้ได้รับอำนาจจากโจทก์ เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. โดยเฉพาะในส่วนของประเด็นการจัดหาทนายความ การแถลงข่าวชี้แจง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องส่วนตัวที่ท่านมอบอำนาจให้

นอกจากนี้ตนได้แต่งตั้งหัวหน้าทีมทนายความ คือ นายศิริพงษ์ พงศ์พันธุ์สุข อดีตอัยการอาวุโส สำนักงานคดีศาลสูงสุดภาค 1 โดยได้มีการแต่งตั้งเป็นเอกสารเรียบร้อยแล้ว ส่วนพฤติการณ์ที่ ผบ.ตร.ให้ตนมาฟ้องร้องทางอาญาแก่ทนายตั้ม คือ ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท เนื่องจากมีการกล่าวหาว่า ผบ.ตร.ไปเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าหรือรับเงินส่วย อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร.ยังได้ขอบคุณทนายตั้มที่เปิดโอกาสให้เอาเรื่องนี้มาตรวจสอบในการทำงานของท่านและตรวจสอบความโปร่งใสของท่าน โดยศาลได้รับสำนวนคำฟ้อง นัดหมายไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 10 มิถุนายน เวลา 13.30 น.

นายอัจฉริยะกล่าวอีกว่า ตนสามารถยืนยันได้ว่า ผบ.ตร.และครอบครัว พร้อมรับการตรวจสอบทุกเรื่อง ไม่เฉพาะในกรณีของทนายตั้ม แต่หมายรวมไปถึงกรณีของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ที่ได้รับการแต่งตั้งมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ท่านยินดีให้ตรวจสอบ แต่ขอให้มีการเข้าสู่กระบวนการของศาล ซึ่งทนายตั้มมีสิทธิในการซักค้านสอบถามได้ในชั้นศาล หรือจะไปแต่งตั้งทีมทนายความของตัวเองก็ได้ในฐานะจำเลย ซึ่งถ้าหากหลักฐานทั้งหมดที่ทนายตั้มนำมาเปิดเผยเป็นความจริง หรือได้รับการพิสูจน์เอกสารว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าก็ยินดีให้ศาลได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง

Advertisement

นายอัจฉริยะกล่าวต่อว่า ส่วนสมาชิกรายอื่นหรือครอบครัวของ ผบ.ตร.นั้น ทุกคนก็พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมให้การตรวจมอบ แต่ขอให้เป็นกระบวนการของศาลไม่ใช่นำไปพูดอยู่เรื่อยๆ โดยไม่มีหลักฐานอะไรมาชี้ชัด ดังนั้น กรณีนี้ทนายตั้มสามารถนำเอาเอกสารมาใช้ถามในชั้นศาลได้ และในการเบิกความชั้นศาล ผบ.ตร.จะเป็นผู้มาเบิกความเอง และถ้าใครจะเรียกตรวจสอบก็ยินดีให้ตรวจสอบ รวมถึงหากทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เชิญเข้าไปให้ข้อมูลก็ยินดีเข้าไปด้วยตัวเอง

นายอัจฉริยะกล่าวด้วยว่า การฟ้องหมิ่นประมาททนายตั้มในวันนี้ ไม่ใช่การฟ้องแก้เกี้ยว แต่ต้องการเอากระบวนการยุติธรรมขึ้นสู่ศาล ทนายตั้มจะได้ถามค้านและใช้สิทธิได้เต็มที่ หากสงสัยอะไรก็จะมีการตอบในศาล เพราะจะมีการบันทึกปากคำของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง มันบิดเบือนไม่ได้ และยืนยันว่าท่านจะไม่มีการถอนฟ้องในอนาคต ไม่มีการไกล่เกลี่ยหรือต่อรองโกรธแค้น

ส่วนเรื่องพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่ทนายตั้มเปิดเผยต่อสาธารณะนั้น นายอัจฉริยะระบุว่า หลักฐานดังกล่าว สถาบันการเงินธนาคารหรือว่าใครให้มาแก่ทนายตั้มก็ต้องไปตรวจสอบดูว่าเป็นพยานเอกสารของปลอมหรือไม่ ซึ่งหน้าที่การพิสูจน์ก็เป็นของทนายตั้ม แต่จะให้เขาพูดไปเรื่อยก็เสียหายวงกว้างต่อ ผบ.ตร. หากเป็นการได้พยานหลักฐานมาโดยมิชอบและรู้ว่ามาจากหน่วยงานใด ทนายตั้มก็สามารถกล่าวอ้างบุคคลนั้นมาเป็นพยานในชั้นศาลได้ พร้อมย้ำว่าไม่มีเส้นทางการเงินแม้แต่รายการเดียวเชื่อมโยงมายังบิ๊กต่อโดยตรง ทั้งนี้ ตนได้ข้อมูลมาว่าหน่วยงานที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการเงิน คือ สำนักงาน ปปง. หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดำเนินการในคดีเกี่ยวกับการฟอกเงิน แต่ในเมื่อบิ๊กต่อไม่เคยถูกร้องทุกข์กล่าวโทษแม้แต่คดีเดียว เหตุใด ปปง. หรือข้าราชการจึงเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ดังนั้น จะต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองเพราะถือว่าร่วมกันเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชอบหรือไม่

Advertisement

นายอัจฉริยะระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่ไปละเมิดสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่น ต้องถามว่ากระทำโดยชอบหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น เข้าไปสืบค้นทะเบียนราษฎร์ 1 วัน จำนวน 20 ครั้ง หรือเข้าไปสืบค้นข้อมูลส่วนตัวของภรรยาใครจำนวน 40 ครั้ง มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีทั้งเจ้าที่สำนักงานเขต จากนี้จะมีการทำหนังสือให้ทุกหน่วยงานที่เข้าระบบไปดูข้อมูล ให้เข้ามาชี้แจงถึงสาเหตุและวัตถุประสงค์ อีกทั้งเรายังมีข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่บางส่วนเข้าไปที่สถาบันการเงินเพื่อขอรายการเดินบัญชี (Statement) ของบิ๊กต่อและครอบครัวด้วย

ทั้งนี้ นายอัจฉริยะระบุต่อว่า จากพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของบิ๊กต่อพบว่าเกิดขึ้นในห้วงปี 2566 จนถึงปัจจุบัน และไม่เฉพาะบิ๊กต่อ แต่ยังมี รอง ผบ.ตร. อีกหลายหลายที่โดนกระทำในลักษณะดังกล่าว โดยขั้นตอนการดำเนินการ คือ หน่วยงานของรัฐมักจะอ้างว่าบุคคลนั้นมีคดีเกี่ยวพันต่อเนื่องจึงต้องเข้าไปสืบค้นหาข้อมูลหรือไปขอรายการเดินบัญชีทั้งๆ ที่ในข้อเท็จจริงบุคคลทั้งหลายที่ถูกกล่าวหายังไม่มีใครถูกดำเนินคดีมาก่อน ซึ่งสิ่งที่ทนายตั้มเอามาเผยแพร่ต่อสาธารณะ เอกสารต่างๆ หากเป็นข้อเท็จจริง ทำไมจึงไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษอาญากับบุคคลที่มีความเชื่อมโยง เพื่อให้ได้รับการพิสูจน์ข้อเท็จจริงแต่กลับนำเอามาเปิดเผยกล่าวหาพาดพิง

“การมากล่าวหา ผบ.ตร. โดยไม่มีหลักฐานอะไรเลยแม้กระทั่งเส้นทางการเงิน ซึ่งไม่สามารถหาหน่วยงานไหนมารับรองได้ การกล่าวหาดังกล่าวถือเป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอยทำให้ท่านได้รับความเสียหายจึงอยากให้ทนายตั้มเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” นายอัจฉริยะระบุ

ด้านทนายศิริพงษ์ หัวหน้าทีมทนายความ กล่าวว่า หลักฐานต่างๆ ที่ทนายตั้มเอาออกมาแสดงนั้นไม่มีอะไรเลย ถือเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หากเจ้าตัวยืนยันว่าเป็นเอกสารข้อเท็จจริง ทำไมจึงไม่มีการไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ อย่างไรก็ตาม วันนี้เราได้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องมีการมาต่อสู้ในชั้นศาลกัน ซึ่งหากมีการพิสูจน์แล้วพบว่ามีมูลจริงก็พร้อมยอมรับ แต่ข้อมูลที่ได้มานั้นถือว่าได้มาโดยมิชอบ เป็นการไปหลอกว่าหลายบุคคลมีคดีเกี่ยวพันต่อเนื่อง ซึ่งทางบิ๊กต่อก็มีความมั่นใจว่าต่อสู้คดีได้ เพราะว่าเชื่อมั่นว่าข้อมูลของทนายตั้มเป็นเท็จทั้งนั้น และข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาเปิดในชั้นศาล ทั้งนี้ เราไม่มีความจำเป็นต้องไปหาข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ยืนยันว่าระหว่างและหลังจากนี้ เราจะไม่มีการเพลี่ยงพล้ำแน่นอน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทนายตั้ม เดินหน้าแฉ โชว์ผังเส้นทางเงินโยง ‘บิ๊กตำรวจ’ เปิดโปง 18 ธุรกิจ ส่วย
ทีมทนาย ‘บิ๊กต่อ’ นัดแถลง-ฟ้อง ‘ทนายตั้ม’ วันนี้ ชี้เปิดข้อมูลส่วยทำ ‘ครอบครัว-หน่วยงาน’ เสียหาย
ทนายตั้ม แฉไม่หยุด เปิดภาพ ‘บิ๊กตร.’ ร่วมพิธีสร้างพระ หลังบัญชีม้าเพิ่งโอนเงินเข้าวัดแค่2วัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image