‘2 ครู’ คอตก อุทธรณ์ยกขอรื้อคดีชำเรานักเรียนหญิง ชี้ไม่ใช่หลักฐานใหม่ ทนายเล็งช่องลดโทษ(คลิป)

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งขอรื้อฟื้นคดี ที่นายลอน โสรกนิษฐ์ อายุ 69 ปี อดีตอาจารย์ระดับ 7 ประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และนายพิมล ซุ่นศรี หรือซุ้นศรี อายุ 59 ปี อดีตอาจารย์ระดับ 7 สอนวิชาพลศึกษาในโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านสายไหม เป็นจำเลยที่ 1-2 ในฐานความผิดพาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร, กระทำอนาจาร และพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร, กระทำชำเราฯ และหน่วงเหนี่ยว กักขัง เพื่อการอนาจาร ที่ศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2559 ให้จำคุกนายลอน 19 ปี 3 เดือน ส่วนนายพิมล จำคุก 12 ปี โดยจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดี โดยวันนี้มีกลุ่มเพื่อนครูและญาติสนิทของจำเลยทั้งสองเดินทางมาให้กำลังใจ 7 คน ขณะที่จำเลยทั้งสองถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำกลางบางขวาง

ครูลอน2

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานตามที่ศาลชั้นต้นไต่สวนมาแล้ว เห็นว่าศาลชั้นต้นได้ไต่สวนพยานตามที่ผู้ร้องทั้งสองอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ ที่จะยืนยันได้ว่าผู้ร้องทั้งสองไม่ได้กระทำผิด มีพยานเป็นบรรณารักษ์ ภารโรง และครู ที่โรงเรียนที่เกิดเหตุ เบิกความในทำนองเดียวกันว่า ไม่เชื่อว่าผู้ร้องทั้งสองกระทำความผิดทั้งที่ห้องพักครูและในห้องพยาบาล แต่ไม่มีใครรู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งคำเบิกความดังกล่าว พยานในชั้นไต่สวนคำร้องขอรื้อฟื้นคดีได้ทำการเบิกความไว้ในชั้นสืบพยานแล้ว จึงไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่มาเป็นเหตุให้รื้อฟื้นคดี ตามมาตรา 5 (3) พ.ร.บ.รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 คำร้องไม่มีมูล ให้ยกคำร้อง

ภายหลังนายพีระพัฒน์ เพียงแก้ว ทนายความจำเลย กล่าวว่า หลังจากนี้จะไปตรวจสอบข้อกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้อีก ในส่วนของการลดโทษเนื่องจากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเช่นนี้ การรื้อฟื้นคดีจึงไม่สามารถดำเนินการได้อีก เพราะการยื่นคำร้องสามารถดำเนินการได้เพียงครั้งเดียว โดยการยื่นคำร้องครั้งแรกเนื่องจากมีภรรยาของนายลอนที่ใกล้ชิดอยู่บ้านเดียวกันจะรับรู้เหตุการณ์ว่าไม่ได้มีการกระทำใดๆ เกิดขึ้นที่บ้านพักครู และครูประจำห้องพยาบาลซึ่งเป็นพยานในส่วนของนายพิมล ซึ่งไม่เคยเบิกความในศาลชั้นต้นมาก่อน จึงเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่จะเสนอให้ศาลพิจารณา อย่างไรก็ดี นายลอนเหลือระยะเวลาถูกคุมขังอีกประมาณ 8 ปี ส่วนนายพิมลจะครบกำหนดในเดือน พฤษภาคมนี้

Advertisement

 

 

Advertisement

สำหรับคดีนี้อัยการยื่นฟ้องนายลอนและนายพิมลเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2549 ระบุว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2549 – 10 สิงหาคม 2549 ต่อเนื่องกัน นายลอน จำเลยที่ 1 ได้พา ด.ญ.ปุ๊ก (นามสมมุติ) อายุ 7 ขวบ ผู้เสียหาย หลอกเข้าไปในห้องน้ำก่อนกระทำอนาจารผู้เสียหาย จากนั้นจำเลยที่ 1 ยังได้พราก ด.ญ.ปุ๊กไปกักขังเพื่อกระทำชำเรา และจำเลยที่ 1 ยังมีพฤติการณ์พา ด.ญ.ปุ๊ก ไปชำเราและอนาจารอีก 5 ครั้ง ขณะที่ นายพิมล จำเลยที่ 2 ได้ใช้กำลังประทุษร้าย ด.ญ.ปุ๊ก เพื่อกระทำอนาจารและกระทำชำเรา โดยที่ผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จำนวน 4 ครั้ง ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันพาเด็กหญิงผู้เสียหายอายุ 7-8 ขวบ รวม 5 คน โดยล่อลวงว่าจะพาไปซื้อขนม ก่อนจะกระทำอนาจาร และพรากผู้เสียหายทั้ง 5 คนไปจากบิดา-มารดา เพื่อการอนาจาร หน่วงเหนี่ยวกักขัง กระทำการด้วยประการใดให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เพื่อยินยอมให้จำเลยทั้งสองกระทำชำเรา โดยจำเลยทั้งสองยังร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย และผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราผู้เสียหายทั้ง 5 คนอีกด้วย เหตุเกิดที่แขวงและเขตสายไหม กทม.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image