นายกฯ กำชับ บช.ก.ให้ดูแล ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ หลังลิงก์ปลอมระบาด
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 สิงหาคม ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจเยี่ยมพร้อมมอบหมายนโยบายแก่ บช.ก.โดยมี พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และผู้บังคับบัญชา ใน ผบช.ก.ให้การต้อนรับ
พล.ต.ท.จิรภพกล่าวถึงการดำเนินโครงการของ บช.ก.ว่า เป็นโครงการที่จะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.Digital Transformation หรือการแปลงจากระบบการรายงานด้วยแผ่นกระดาษสู่การรายงานด้วยระบบดิจิทัล ช่วยลดการเสียเวลาในการทำงาน และใช้กำลังพลน้อยลง ทำให้การรับเรื่องในการทำงานกระชับขึ้น รวดเร็ว แม่นยำ สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส 2.National CCTV Big Data การนำ AI เข้ามาช่วยรวบรวมข้อมูลเข้าส่วนกลางให้เป็น Smart City เพื่อเสริมสร้างระบบความปลอดภัยภายในประเทศ ให้นักท่องเที่ยวมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น หากมีความปลอดภัยนักท่องเที่ยวก็จะเดินทางมาประเทศไทยมากยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มทำในพื้นที่สำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ก่อนจะขยายไปในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งพัฒนาระบบแจ้งความ ซึ่งระบบแสดงภาพในพื้นที่เหตุการณ์ และช่วยให้เจ้าหน้าที่ได้เห็นสถานการณ์ และควบคุมสั่งการได้อย่างทันท่วงที
3.National Intelligence Function Center (NIFC) คือการรวบรวมข้อมูลอาชญากรรมไว้ที่ส่วนกลางของภูมิภาค และรวบรวมข้อมูลกับหน่วยข่าวของประเทศ เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ ป้องกันเหตุก่อการร้าย และความมั่นคงของประเทศไทย หากทุกระบบทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้มีศักยภาพในการป้องกันความมั่นคงของประเทศสูงขึ้น
ภายหลังรับฟังการนำเสนอผลงานและแนวทางพัฒนาองค์กรแล้ว นายเศรษฐากล่าวชื่นชมนโยบายที่ได้นำเสนอเรื่องการปรับเปลี่ยนการทำงานไปสู่ระบบดิจิทัลเพื่อดูแลประชาชน ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักที่รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน รวมถึงชื่นชมการปฏิบัติงานของ บช.ก. ที่ดำรงไว้ซึ่งความเป็นกลางและเป็นมืออาชีพซื่อสัตย์สุจริต เป็นกลาง ไม่หวั่นไหว แรงกดดันทางการเมือง มีการสื่อสารไปยังประชาชนที่เป็นเลิศได้รับการยอมรับ สามารถประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปยังประชาชนได้เป็นอย่างดี ถือเป็นหน่วยงานที่ตนให้ความมั่นใจ ขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่และขอให้แน่วแน่ในความเป็นมืออาชีพ เป็นกลาง พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติงานด้วยความไม่ประมาท
พล.ต.ท.จิรภพกล่าวต่อว่า นายเศรษฐา กำชับให้ บช.ก. ตรวจสอบดูแลเรื่องเว็บปลอมเว็บเถื่อน หลังจากเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม เปิดให้ลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต และมีคนลงทะเบียนมากกว่า 20 ล้านคน รวมถึงการตัดวงจรแก๊งสแกมเมอร์ ด้วยการตัดสายสัญญาณหรือทำลายอุปกรณ์สตาร์ลิงก์ที่เป็นอุปกรณ์สำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกรัฐมนตรีมอบหมายนโยบายเสร็จสิ้น พล.ต.ท.จิรภพระบุว่า บช.ก.จะนำแนวทางการปฏิบัติราชการและข้อแนะนำจากรัฐมนตรีไปปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและความสงบสุขของประชาชนต่อไป ในอดีตโครงการต่างๆ ของรัฐบาลมีหลายโครงการ ซึ่งในแต่ละโครงการมีผู้ไม่หวังดีหาช่องทางในการทุจริต เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเที่ยวด้วยกัน ทางนายกฯ จึงเล็งเห็นว่าควรที่จะป้องกันตั้งแต่ต้น โดยทางนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตนในฐานะหนึ่งในคณะทำงานโดยจะต้องมีนายตำรวจระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมากำกับดูแล ซึ่งไม่ทราบว่าเป็น พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.หรือไม่ แต่ไม่ใช่เป็นการเจาะจงเลือกใช้เพียง บช.ก. แต่ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ รวมถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศจะต้องบูรณาการร่วมกัน เนื่องจากดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องใหม่ ซึ่งทาง บช.ก. ก็ต้องศึกษาในรายละเอียดว่ามีช่องโหว่หรือช่องว่างตรงไหนที่จะทำให้รัฐสูญเสียผลประโยชน์หรือไม่
ตอนนี้เปิดให้ลงทะเบียนผ่านมาสองวัน ยังไม่เห็นอะไรผิดสังเกต ส่วนที่นายกฯ ชี้ชัดว่ามีการปลอมแปลงแอพพลิเคชั่นเถื่อนและลิงก์ปลอม ตอนนี้ บช.ก.ก็ติดตามอย่างใกล้ชิดในทุกแพลตฟอร์ม โดยใช้สายตรวจออนไลน์ทำงานควบคู่กับทุกหน่วยงานเพื่อเฝ้าระวังกลุ่มมิจฉาชีพและนำไปสู่การขยายผลและจับกุม
พล.ต.ท.จิรภพกล่าวว่า ส่วนที่นายกฯ กล่าวชื่นชม บช.ก.ว่ามีความเป็นกลางในฐานะมืออาชีพ ทำให้ตัวเบาเลยหรือไม่ ตนก็ต้องขอขอบคุณนายกฯ เพราะที่ผ่านมา บช.ก.ก็ทำงานอย่างหนัก ซึ่งเป็นอุดมการณ์ของหน่วยงานด้วยการทำงานอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่เลือกปฏิบัติและเกรงกลัวต่ออำนาจหรือแรงกดดันทางการเมือง โดยเราไม่สนใจเรื่องผู้มีอิทธิพลระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ
ส่วนที่มีคนนำชื่อนายกฯ หรือรัฐมนตรีไปกล่าวอ้างในการช่วยเหลือเรื่องคดี ยืนยันว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง แต่ก็จะระดมกวาดล้างอย่างเข้มงวด
ส่วนที่หลายคนมองว่าการที่นายกฯ ให้ บช.ก.ดูแลเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นการเพิ่มภาระหน้าที่ให้ตำรวจหรือไม่นั้น ยืนยันว่าตำรวจสามารถทำงานได้หลายหน้าที่และเป็นหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่แล้ว เมื่อสั่งการมาก็ต้องช่วยกันทำให้ดีที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญระดับประเทศ