เจ้าอาวาสตกใจพระลูกวัดถูก 2 สีกา หึงหวงสนั่นโซเชียล ทั้งยังหายหน้าจากวัดไปกว่า 1 เดือนเเล้ว

จากกรณีที่มีภาพลงในโซเชียลมีเดีย ถึงความไม่เหมาะสมระหว่างพระรูปหนึ่งกับสีกาถ่ายภาพคู่กันในกุฏิและบนรถตู้หลายอิริยาบถ อีกทั้งยังมีแชตสนทนาในเชิงชู้สาวของ 2 หญิง 1 พระ ลักษณะผู้หญิงแย่งพระเพื่อเป็นเจ้าของ จนสร้างความมัวหมองให้กับวัดและพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ซึ่งทราบภายหลังว่าพระรูปดังกล่าวเป็นพระวัดดวงเเข

จากกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่วัดดวงแข พระครูประพัฒน์เขมคุณ เจ้าอาวาสวัดดวงแข เปิดเผยว่า เพิ่งทราบเรื่องเมื่อวาน (9 ส.ค.) รู้สึกกังวลใจและเวทนากับข่าวที่ทำให้ศาสนาและวัดมัวหมอง เพราะที่ผ่านมาพระรูปดังกล่าวได้บวชกับเจ้าอาวาสรูปก่อน และอยู่ที่วัดนี้มานานกว่า 10 ปี โดยมีพฤติกรรมลักษณะไม่ปฏิบัติตามกิจของสงฆ์ ไม่เคยทำวัตรหรือปาฏิโมกข์ ทำให้ไม่มีโอกาสได้เจอตัวเพื่อตักเตือน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือว่าผิดวินัยสงฆ์ อีกทั้งยังมีลักษณะเข้าข่ายผู้มีอิทธิพล เกี่ยวกับการจัดเก็บค่าจอดรถวัด เอาเงินเข้าตัว จนทำให้พุทธศาสนิกชนได้รับความเดือดร้อนมาเป็นเวลานาน พฤติกรรมโดยรวมจึงไม่สมควรที่จะเป็นพระ

ส่วนเรื่องสีกาก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินเข้าหูมาโดยตลอด แต่ไม่มีหลักฐาน เพราะฝ่ายหญิงเป็นแม่ครัวภายในวัด จึงมีโอกาสใกล้ชิดด้วยการถวายอาหารอยู่เป็นประจำ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ยอมรับว่าไม่มีหลักฐาน แต่จากภาพที่ปรากฏก็เพียงพอที่จะต้องสึกออกจากการเป็นพระ แต่ตกใจเรื่อง 2 หญิง 1 พระ ที่มีการสนทนาในข้อความแชตหยาบคายลักษณะหึงหวง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ตกใจมาก ส่วนรายละเอียดลึกๆ ยังไม่ทราบ

ทั้งนี้หลังจากเป็นประเด็นข่าว ก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยหรือตั้งคณะกรรมการสอบ เนื่องจากพระรูปดังกล่าวได้หลบหนีออกจากวัดไปตั้งแต่ก่อนเข้าพรรษา ส่วนระเบียบของพระการจะออกจากวัดหรือเข้าวัดต้องรายงานให้เจ้าอาวาสทราบ แต่ครั้งนี้กลับหลบหนีไป จึงไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด รวมทั้งกุฏิก็ถูกล็อกไว้ จึงยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบ ต้องรอมติของคณะกรรมการ

Advertisement

ทั้งนี้ยังฝากถึงพุทธศาสนิกชนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ขอให้แยกแยะ ไม่อยากให้เป็นมลทินต่อพุทธศาสนาและวัดดวงแข รวมถึงฝากทั้ง 3 ท่านที่เป็นประเด็น อย่าเอาวัดไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว

ด้าน นายสงวน สังฆดิษฐ ไวยาวัจกรวัดดวงแข เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ส่วนตัวไม่มีหน้าที่กำกับดูแลพระสงฆ์ที่จำวัด มีเพียงหน้าที่ดูแลเจ้าหน้าที่และทรัพย์สินของวัด แต่เมื่อมีเจ้าหน้าที่ของวัดเข้าไปเกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ ก็จะต้องตรวจสอบ โดยล่าสุดได้ให้ผู้หญิงในภาพซึ่งเป็นแม่ครัวออกจากวัด หลังจากที่ได้มีการพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวปฏิเสธ ซึ่งการกระทำดังกล่าวทางวัดมองว่าไม่เหมาะสม

Advertisement

โดยที่ผ่านมาทางวัดทราบดีว่าพระรูปดังกล่าวมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหลายเรื่อง แต่ตนเองไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาส และก่อนหน้านี้ทราบว่ามีผู้ใหญ่หลายท่านให้การดูแล จนเป็นที่หวาดเกรงของพระด้วยกัน อีกทั้งยังมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับสีกาหลายราย แต่ก็ยังไม่มีหลักฐาน จนกระทั่งมาพบกับข้อความแชตที่บ่งชี้ว่ามี 2 หญิง 1 พระ หึงหวงกัน และเชื่อว่าแชตและรูปดังกล่าวต้องหลุดมาจากแม่ครัวที่ถูกไล่ออก เพราะรูปที่โพสต์อยู่ในโทรศัพท์ของเจ้าตัว ถือเป็นข้อมูลส่วนตัวที่คนอื่นไม่น่าจะเอาออกมาได้

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง นายสุพจน์ สรรพนราพงษ์ หรือพระสุพจน์ อายุ 58 ปี พระลูกวัด วัดดวงแข ที่เป็นกรณีอยู่ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยพระสุพจน์เผยว่า จากกรณีดังกล่าวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นการถูกแอบอ้าง ภาพที่ปรากฏมานั้นเป็นเพียงลูกศิษย์ลูกหาและคนในวัดที่เข้ามาถ่ายรูป แต่คนที่เป็นประเด็นก็คือคนในวัด และก็เป็นสีกาที่นำอาหารเข้ามาถวาย ดูจากในรูปแล้วตนใส่แค่เพียงอังสะและสบง ซึ่งเป็นรูปที่ไม่เหมาะสม จึงอยากถามกลับว่าเป็นการตั้งใจถ่ายรูปเพื่อมาประจานตัวเองหรือไม่ ภาพทั้งหมดที่ถูกนำลงโซเชียลเป็นการถูกแฮกออกจากสีกาคนดังกล่าว และตอนนี้ก็ทำให้สีกาคนนี้ร้องไห้และเสียใจหนักมากกับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เรื่องนี้ตนได้นำข้อมูลทั้งหมดไปแจ้งความไว้แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้จำวัดอยู่ที่ใด ทำไมไม่อยู่ที่วัดดวงแข พระสุพจน์เผยว่า ตนจะอยู่ที่วัดให้นักข่าวถ่ายหน้าตัวเองทำไม ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วและไม่ใช่เรื่องจริงเป็นการใส่ร้าย โดยปกติตนจำวัดอยู่ตลอด จะออกไปไหนได้เพราะช่วงนี้กำลังเข้าพรรษาอยู่ แต่ไม่มีใครทราบเพราะตนไม่ได้บอกใคร

ต่อมาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ติดต่อมายังพระครูประพัฒน์เขมคุณ เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว โดยเป็นการสนทนาในการดำเนินตามขั้นตอนของกฎระเบียบของสำนักพุทธฯ หลังจากนี้จะต้องขอดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดถึงใบสุทธิพระภิกษุสงฆ์ของพระสุพจน์ ว่ามาจำวัดอยู่ที่วัดดวงแขตั้งแต่เมื่อไร และผิดกิจสงฆ์ในข้อใดบ้าง ซึ่งหลังจากนี้ทางสำนักพุทธฯจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมาและจะมีหนังสือส่งมายังทางวัดดวงแข ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการสงฆ์อีกรอบ เพื่อสรุปความผิดของพระสงฆ์ดังกล่าวก่อนจับปาราชิก และทำหนังสือเพื่อยืนยันกับประชาชนว่าวัดและสำนักพุทธไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนกรณีกุฏิของพระสุพจน์ที่มีการล็อกห้องไว้อย่างแน่นหนาจึงทำไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ โดยทางคณะกรรมการของสำนักพุทธจะต้องตรวจสอบข้อกฎหมาย ก่อนที่จะเข้าไปตรวจสอบหารายละเอียดต่างๆ ภายในกุฏิ

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามพระครูประพัฒน์เขมคุณ เจ้าอาวาสวัดดวงแข ว่าพระสุพจน์ยังจำวัดอยู่ที่วัดดวงแขหรือไม่ ซึ่งพระครูประพัฒน์เขมคุณตอบกลับทันทีว่า พระสุพจน์โกหก จะจำวัดอยู่ที่นี่ได้อย่างไรในเมื่อให้พระลูกวัดไปตรวจสอบดูแล้ว และไม่มีใครเห็นหน้าพระสุพจน์เลยมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 1 เดือนแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image