เมื่อเลา10.30 น.วันที่ 8 มีนาคม ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ นายปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด พร้อม นายสมชาย งามวงศ์ชน โฆษกศาลปกครอง และคณะโฆษกศาลปกครอง แถลงจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 8 – 10 มีนาคม เนื่องในโอกาสครบรอบ 16 ปี เปิดทำการศาลปกครองในวันที่ 9 มีนาคม
โดยนายปิยะ กล่าวว่า นับแต่เปิดทำการศาลปกครองมาตั้งแต่ปี 2544 พบว่าในปี 2559 ศาลปกครองพิจารณาคดีแล้วเสร็จมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ จำนวน 12,842 คดี และเป็นปีแรกที่คดีพิจารณาแล้วเสร็จของศาลปกครองชั้นต้น มีจำนวนมากกว่าคดีเข้า ส่วนศาลปกครองสูงสุดก็เช่นกัน พิจารณาคดีเสร็จจำนวน 4,102 คดี และเมื่อเปรียบเทียบแล้วจำนวนคดีที่พิจารณาเสร็จของศาลปกครองตั้งแต่ปี 2544-2559 แนวโน้มคดีที่เสร็จเพิ่มขึ้นทั้งศาลปกครองสูงสุด ศาลปกครองกลาง และศาลปกครองในภูมิภาค ส่วนคดีที่ค้างสะสมของศาลปกครองในภาพรวมปี 2559 เริ่มลดลงอย่างมาก
นายปิยะ กล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานที่สำคัญของศาลปกครองในปี2559 คือ การเปิดทำการศาลปกครองนครสวรรค์ ครอบคลุมพื้นที่4จังหวัด ประกอบด้วย นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี และ ชัยนาท ทำให้ปัจจุบัน มีศาลปกครองชั้นต้นที่เปิดทำการแล้ว 12 แห่งทั่วประเทศ โดยยังมีศาลปกครองในภูมิภาคที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่เปิดทำการเพิ่มเติมอีก 3 แห่งได้แก่ ศาลปกครองสุพรรณบุรี ศาลปกครองภูเก็ต และศาลปกครองยะลา นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งและเปิดทำการแผนกคดีละเมิดและความรับผิดอย่างอื่น กับแผนกบริหารราชการแผ่นดินในศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยให้มีองค์คณะตุลาการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะพิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ(ฉบับที่ 8) พ.ศ.2559 กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการบังคับคดีในปีที่ผ่านมา มีคดีเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี 11,754 คดี ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 8,857 คดี มีคดีคงค้างเป็นการดำเนินการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จำนวน 1,106 คดีและมีคดีคงค้างในการบังคับคดีทั่วไป1,791คดี
นายปิยะ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันยังได้พัฒนาคุณภาพการให้บริการ ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้เป็นศาลปกครองอิเล็กทรอนิกส์ (e-Court) และ (Smart Court) เข้าสู่ยุคศาลปกครอง 4.0 สอดรับนโยบาย Thailand 4.0 โดยปี 2559 ที่ผ่านมาศาลปกครองดำเนินการพัฒนา ระบบสารสนเทศในการเปิดให้บริการแอพพลิเคชั่นบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ เพื่อให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีนัด คำพิพากษา คำสั่งเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ Smart Court และการเก็บรักษาเอกสารบางประเภทในสำนวนคดีรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Records)
นายปิยะ กล่าวถึงเป้าหมายในปี 2560 ว่า จะพิจารณาคดีค้างใหม่ให้หมดไป คดีเข้าใหม่ให้เสร็จภายในกรอบเวลา โดยคดีที่ค้างนานเกิน 2 ปี ในศาลปกครองชั้นต้น จะให้แล้วเสร็จในปี 2560 ส่วนศาลปกครองสูงสุดจะให้เสร็จในปี 2561 ส่วนคดีที่มีการขอวิธีการชั่วคราวไม่เกิน 1-7 วัน ขณะที่การจะพิจารณาสั่งว่าจะรับหรือไม่รับฟ้องจะไม่เกิน 1 เดือน คดีที่เข้าสู่แผนกเชี่ยวชาญต่างๆ จะไม่เกิน 1 ปี ส่วนคดีทั่วไปใช้เวลาไม่เกิน 2 ปี
