เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ต.อ.กฤษณะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เกี่ยวกับการงัดกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารที่ใช้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวางนั้น ขอเรียนว่า สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ตระหนักถึงความเดือดร้อนเสียหาย และภัยอันตรายของผู้โดยสารโดยถือเป็นเรื่องสำคัญตลอดมา และมีมาตรการในการป้องกัน สืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง โดยมีมาตรการบูรณาการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดังนี้
“1.มีการตรวจผสมพื้นที่ระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารบริเวณใต้อาคารผู้โดยสาร เป็นรอบเวลา วันละ8รอบๆละ2ชั่วโมง ตรวจชอตติ้งวันละ2รอบและตรวจข้างเครื่องวันละ1รอบตลอดวัน โดยมีเวลาเหลื่อมล้ำไม่แน่นอน เพื่อตัดช่องของคนร้าย 2.ในส่วนของการสืบสวนจับกุม มีการจับกุมพนักงานขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระ ดำเนินคดีในความผิดฐานลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน ตั้งแต่ ต.ค. 2559 ถึง ปัจจุบัน ส่งดำเนินคดี 15 ราย ครั้งสุดท้ายจับกุมเมื่อวันที่ 6 มี.ค.59 อยู่ระหว่างฝากขัง 3.กรณีมีผู้โพสต์ลงข้อความ ตรวจสอบได้มาแจ้งความว่าเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 60 เมื่อถึงปลายทางพบกระเป๋าสัมภาระมีร่องรอยการงัดแงะ เชื่อว่าอาจถูกงัดแงะที่สนามบินสุวรรณภูมิ เบื้องต้นจึงมาขอลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ได้เรียกผู้โพสต์มาให้ข้อมูลเพื่อขอทราบรายละเอียดที่แน่ชัด แต่ยังไม่ได้มาพบพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตามได้แจ้งฝ่ายสืบสวนดำเนินการตรวจสอบผู้ทำหน้าที่ขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระเที่ยวบินที่ผู้โพสต์อ้างถึงมารวบรวมทำประวัติและเก็บตัวอย่างลายนิ้วมือไว้แล้ว
“4.ได้มีการประชุมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา เชื่อว่าคนร้ายน่าจะอาศัยช่วงที่มีการขนกระเป๋าขึ้นท้องเครื่องสายการบิน เป็นช่วงที่มีโอกาสอยู่กับตัวทรัพย์และเกิดการกระทำความผิดช่วงดังกล่าว โดยแนะนำให้สายการบินทุกสายการบินควรติดกล้องวงจรปิดไว้ใต้ท้องเครื่อง เนื่องจากตามสถิติพบว่าสายการบินแอมิเรตส์ ได้มีการดำเนินการแล้ว ไม่พบว่ามีการมาแจ้งความทรัพย์สินของผู้โดยสารสายการบินดังกล่าวสูญหายแต่อย่างใด และ5.ทางการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีการแจ้งรายละเอียดแก้ข่าวไว้ส่วนหนึ่งแล้ว”รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าว
