เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 15 มีนาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 709 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุรชัย หรือคณิศร วิวัฒนชาติ หรือเอ็ม พญาไท อายุ 41 ปี และนางธนวรรณ หรือเดือน อุดมมีชัย หรือคล้ายแพร อายุ 50 ปี สามีและภรรยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ,ข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมต่อสิ่งใดฯ , หน่วงเหนี่ยวกักขังและ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490 กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 19 เมษายน – 10 สิงหาคม2551 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืน บังคับข่มขู่ น.ส.ยุ้ย (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย เป็นพนักงานในหจก.ของจำเลยทั้งสอง แล้วจำเลยที่ 1ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายหลายครั้งหลายหน และข่มขู่จะนำรูปภาพและวีดิโอที่จำเลยที่ 1 แอบถ่ายขณะมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายไปเผยแพร่ โดยมีจำเลยที่2 พูดขู่เข็ญผู้เสียหาย
โดยวันนี้ ศาลเบิกตัว นายสุรชัย จำเลย ที่ 1 มาจากเรือนจำ เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา เป็นการนัดครั้งที่ 2หลังจากต้องเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาฎีกาครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเนื่องจากจำเลยที่ 2 ไม่ได้รับหมาย อย่างไรก็ดีในครั้งนี้เมื่อถึงเวลานัดปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ยังไม่มาศาล จึงให้เลื่อนฟังคำพิพากษาฎีกาออกไป โดยนัดอีกครั้ง วันที่ 25 เมษายน พร้อมระบุว่าหากจำเลยที่2ยังไม่มาฟังคำพิพากษาจะพิจารณาออกหมายจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธต่อสู้คดีมาโดยตลอด ขณะที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน จำคุกนายสุรชัย จำเลยที่ 1 รวมโทษทุกข้อหาทุกกระทงไว้ 50 ปี และปรับ 1,050 บาทตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ส่วนนางธนวรรณ จำเลยที่ 2 ศาลพิพากษาจำคุก 10 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำผิด แต่ในชั้นอุทธรณ์ ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ ศาลจึงออกหมายจับและสั่งปรับนายประกันไปแล้ว 1 ล้านบาทเมื่อปี 2557 โดยขณะนี้นางธนวรรณ ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี
