ผู้ช่วยผบ.ตร.ลงพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ตรวจเข้มคาดเซฟตี้เบล ประเดิมจับคนนั่งแท็กซี่

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 5 เมษายน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (บริเวณเกาะพญาไท) แขวงทุ่งพญาไท เขตพญาไท พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วยผบ.ตร. พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส รองผบก.น.1 พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสงสิ่ง ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ท.บวรภพ สุนทรเรขา รอง ผกก.จร.สน.พญาไท เจ้าหน้าที่ตำรวจจากจราจรกลาง เจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารสื่อสารที่ 12 รักษาพระองค์ ร่วมกันออกจับกุมเข้มงวดกวดการใช้เข็มขัดนิรภัย การโดยสารรถกระบะ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(คสช.) ที่ 14/2560 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2560 เรื่องมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ข้อ 2. กำหนดว่า ผู้ขับขี่ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งในขณะขับขี่รถยนต์และต้องจัดให้คนโดยสารรถยนต์รัดร่างกายไว้กับที่นั่งด้วยเข็มขัดนิรภัยขณะโดยสารรถยนต์ และคนโดยสารรถยนต์ดังกล่าวต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งในขณะโดยสารรถยนต์ด้วย

พล.ต.ท.วิทยา กล่าวว่า วันนี้เริ่มบังคับใช้กฎหมายการคาดเข็มขัดนิรภัย และห้ามผู้โดยสารนั่งท้ายรถกระบะ หลายภาคส่วนร่วมกันทำงาน คาดหวังและห่วงใยประชาชนว่าจะให้ความร่วมมือ นอกจากนี้อยากฝากถึงการใช้ความเร็วรถไม่เกินที่กฎหมายกำหนด ไม่ขับรถฝ่าฝืนกฏจราจร ในวันนี้ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เริ่มต้นเปิดการรณรงค์กวดขันจับกลุ่มรถที่น่าจะเกิดอันตรายแก่ผู้โดยสาร เช่นรถกระบะ หรือรถโดยสาร

Advertisement

พล.ต.ท.วิทยา กล่าวต่อว่า วันนี้บังคับผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้คาดเข็มขัดนิรภัย ผู้โดยสารไม่สามารถอ้างได้ว่าไม่ทราบเพราะผู้ขับขี่รถสาธารณะต้องแนะนำผู้โดยสารไม่อย่างนั้นจะมีโทษปรับทั้งคู่ โดยทางกรมขนส่งทางบกชี้แจงชัดเจนว่า ต้องใช้รถให้ถูกกับประเภทรถที่จดทะเบียนไว้ เช่น 1.รถกระบะที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ( ป้ายสีขาว ตัวอักษรสีฟ้า) เป็นรถกระบะที่มีหลังคาและมีที่นั่งสองแถว “ไม่ห้าม” สามารถนั่งตามที่นั่งที่จัดไว้ได้ 2. รถกระบะที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (ป้ายสีขาว ตัวอักษรสีเขียว) และเดินทางบนถนนทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงระหว่างจังหวัด ทางหลวงระหว่างอำเภอ ทางหลวงชนบท และทางหลวงตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 “ห้าม” นั่งท้ายกระบะ มีความผิดฐานใช้รถผิดประเภท 3.รถกระบะมีแคป “ห้าม” นั่งในแคป เพราะส่วนที่เป็นแคปไม่ได้ออกแบบให้เป็นที่นั่งแต่ไว้สำหรับใส่สิ่งของ มีความผิดฐานใช้รถผิดประเภท แต่จะมีกรณีการนั่งท้ายรถกระบะที่เจ้าหน้าตำรวจสามารถใช้ดุลพินิจการใช้งานและถือว่าไม่ผิดได้ คือ การนั่งท้ายรถกระบะที่เดินรถในถนนปิดที่จัดให้มีการเล่นน้ำในเทศกาลสงกรานต์ และไม่มีการเคลื่อนที่ของรถหรือเคลื่อนที่อย่างช้าๆ นั่งท้ายกระบะที่บรรทุกพืชผลการเกษตรซึ่งเดินรถในพื้นที่การเกษตร เช่น สวนหรือไร่นา

“การยื่นแก้ไขประเภทรถให้ตรงกับการใช้งานนั้นสามารถทำได้ที่กรมการขนส่งเพื่อให้พี่น้องปฏิบัติตามกฎหมายและเพื่อความปลอดภัยของประชาชนเอง วันนี้ได้ประชาสัมพันธ์แล้วว่าอย่าเดินทางโดยรถกระบะ ให้เดินทางด้วยรถตู้โดยสารทั่วประเทศ อย่าไปโดยสารด้วยรถกระบะหากเจ้าหน้าที่พบเห็นจะจับและถือเป็นความผิด ช่วงนี้อยู่ในช่วงประชาสัมพันธ์แนะนำ ตักเตือน หากเป็นรถกระบะยืนยันว่าไม่สามารถนั่งท้ายรถได้อย่างแน่นอน โดยไม่มีข้อยกเว้นไม่ว่าจะเป็นรถราชการหรือไม่ก็ตาม”ผู้ช่วยผบ.ตร.กล่าว

Advertisement

ต่อมาเจ้าหน้าที่จับกุมรถยนต์นั่งสาธารณะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นออติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทส 9763 กรุงเทพมหานคร ในข้อหา “ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย” โดยมีนายไสว แก้วเก้า อายุ69ปี เป็นผู้ขับขี่ ส่วนนายพีรพล วงษ์ศรี อายุ29ปี และนางสาวจารุวรรณ ทัศมี อายุ28ปี เป็นผู้โดยสาร โดยเจ้าหน้าที่เปรียบเทียบปรับขั้นต่ำ แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เป็นเงินจำนวน 100 บาท

ภายหลังการเปรียบเทียบปรับนายพีรพล กล่าวว่า เรียกแท็กซี่จากย่านดินแดงและจะเดินทางไปสายใต้ใหม่เพื่อเดินทางกลับบ้านที่ภาคใต้ ขณะขึ้นรถผู้ขับขี่ไม่ได้แจ้งเตือนว่าต้องคาดเข็มขัดจึงทำให้ไม่ทราบจนมาถูกจับกุมดังกล่าว หลังจากนี้จะคาดเข็มขัดทุกครั้งที่ขึ้นรถโดยสาร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image