“ฐิติราช”ชี้ชาวฮ่องกงชักใย”ซินแสโชกุน”เรื่องอุปโลกน์-สอบสายการบินคาเธ่ย์ ยันไม่มีเหมาลำไปญี่ปุ่น

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 21 เมษายน ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ น.ส.ศรัณย์พัชร์ กิติขจรพัชร์ หรือ “ซินแสโชกุน” กรรมการบริหาร บริษัทเวลท์ เอฟเวอร์ จำกัด กับพวกรวม 9 คน ผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชนและกระทำการอันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร หลังจากร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายจัดทริปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 11-16 เมษายนที่ผ่านมา โดยเช่าเหมาลำเครื่องบิน แต่กลับไม่มีการเดินทาง และปล่อยลอยแพผู้เสียหายกว่า 1,000 คน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ว่า ได้เรียกประชุมคณะทำงานคลี่คลายคดีดังกล่าว เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี โดยยังคงเชื่อว่า ซินแสโชกุน เป็นตัวการหลักในเครือข่ายนี้

พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างถึงนายทุนชาวฮ่องกง ที่ถูกระบุว่าอยู่เบื้องหลังเป็นผู้บริหารบริษัทที่อยู่เหนือกว่าซินแสโชกุน นั้น จากการสืบสวนสอบสวนในขณะนี้ยังเชื่อว่าเป็นเพียงตัวละครที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาเอง เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นการสืบสวนสอบสวนและโยนความผิดให้พ้นตัว อย่างไรก็ดี ทางพนักงานสอบสวนมีแนวทางการทำคดีนี้และจะตรวจสอบให้รอบคอบรัดกุมที่สุด หากพยานหลักฐานเกี่ยวพันเชื่อมโยงถึงใครจะพิจารณาดำเนินคดีทั้งหมด

พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวถึงกลุ่มบุคคลที่เป็นทั้งดารา นักแสดง บุคคลที่มีชื่อเสียง ถูกอ้าง หรือเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับซินแสโชกุน ว่า ในส่วนนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวมาสอบปากคำแล้ว โดยเบื้องต้นจะนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาว่าทั้งหมดเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเพียงตกเป็นเหยื่อของขบวนการเท่านั้น

“เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญผู้แทนจากสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิก และสายการบินไทย ที่ถูกซินแสโชกุน กล่าวอ้างว่าได้เช่าเหมาลำเครื่องบินของทั้ง 2 สายการบินดังกล่าว เพื่อพาผู้เสียหายไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น มาสอบปากคำแล้ว โดยพบว่าไม่มีเที่ยวบินเช่าเหมาลำเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ตามวัน เวลา ที่มีการระบุไว้ แต่อย่างใด หลังจากนี้จะตรวจสอบข้อเท็จจริงจากบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด อีกครั้ง เพราะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลและทราบเรื่องการจราจรทางอากาศดีที่สุด แต่เท่าที่ได้รับข้อมูลก็เชื่อมั่น ว่าเป็นการหลอกหลวงอย่างแน่นอน” พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าว

Advertisement

พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวอีกว่า ขณะนี้คดีดังกล่าวมีผู้เสียหายจากทั่วประเทศ เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้วกว่า 500 คน ส่วนทรัพย์สินที่มีการอายัดจากผู้ต้องหานั้นรวมมูลค่ากว่า10ล้านบาท แต่คาดว่าน่าจะยังมีทรัพย์สินที่เป็นเงินสดอีกบางส่วน เนื่องจากพบพฤติการณ์ของซินแสโชกุน มักจะใช้จ่ายด้วยเงินสด เช่น ซื้อคอนโดมิเนียม , เช่าเหมาลำเครื่องบิน ฯลฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลทางคดีต่อไป รวมทั้งเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาออกหมายจับบุคคลที่ร่วมกระทำผิดเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี อยากฝากเตือนไปยังผู้กระทำการฉ้อโกงในทุกรูปแบบ ว่าขอให้หยุดพฤติกรรม หากสำนึกผิด ขอให้รีบนำเอาทรัพย์สินมามอบคืนให้ผู้เสียหาย และไม่ต้องคิดจะหลบหนี ถ้ามีการร้องทุกข์เข้ามาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) จะดำเนินการจับกุมทุกคดี และเอาผิดทุกข้อกล่าวหาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่มียกเว้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image