จับมือฆ่าตัวจริงวัย70 “บังอร”พ้นบ่วงคดีฆ่า สน.ประชาชื่นกู้ไฟล์วงจรปิด

จากกรณีเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม นางบังอร คำพวง อายุ 51 ปี พร้อมนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม ต่อพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ว่านางบังอรเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 307/57 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 แต่ไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดในคดีทำร้ายร่างกายนายสุทน วงศ์วิริยะ อายุ 45 ปี จนถึงแก่ความตาย เหตุเกิดบริเวณถนนกำแพงเพชร 6 แขวงและเขตจตุจักร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 23.00 น.

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 18 กรกฎาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4 พล.ต.ต.ณัฐแก้ว เมตตามิตรพงศ์ ผบก.ประจำ สนง.ผบ.ตร. พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. และพนักงานสอบสวน ร่วมกันรับมอบตัวนายบุญฤทัย นพมาศ อายุ 70 ปี ชาวจ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาตัวจริง ในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทหาร ได้นำตัวนายบุญฤทัย มามอบให้กับพนักงานสอบสวน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ให้แพทย์รพ.ตำรวจตรวจร่างกาย ก่อนแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหารับทราบ ส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนดำเนินคดี และจัดให้พยานชี้ตัวนายบุญฤทัย และ นางบังอร

พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า หลังรับเรื่องไว้ ทางพล.ต.อ.ศรีวราห์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดและตรวจดีเอ็นเอ พบว่าไม่ตรงกับนางบังอร เชื่อได้ว่านางบังอรไม่ใช่คนร้ายในคดีดังกล่าว จากนั้นวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ต.อ.สุรพล ขาวคม เคยเป็นพนักงานสอบสวนสน.ประชาชื่น คดีของนางบังอร เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เพื่อให้ดำเนินคดีกับนางอ้อย ไม่ทราบชื่อและสกุลจริง ปรากฏตามภาพกล้องวงจรปิด จนกระทั่งวันที่ 12 กรกฎาคม เวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจพบชายต้องสงสัย มีพฤติการณ์มั่วสุมบ่อนการพนัน เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล มีลักษณะตรงกับชายคนใต้ที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดที่สถานีรถไฟ จึงได้เชิญตัวมาให้พยานชี้ตัว บริเวณชั้น 7 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพยานยืนยันว่านายบุญฤทัย เป็นคนร้ายในคดีดังกล่าว

พล.ต.ต.ชยพล กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้อาศัยอำนาจตามคำสั่ง คสช. เชิญตัว นายบุญฤทัย ไปควบคุมตัวไว้เพื่อซักถาม ก่อนมีการส่งมอบตัวกันในวันนี้ จากการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนเชื่อได้ว่า ชายคนใต้ที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด คือ นายบุญฤทัย และ นางอ้อย เป็นผู้ร่วมกระทำผิดจริง จึงขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา และศาลได้ออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

Advertisement

ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า วันนี้ได้นำประจักษ์พยานมาชี้ตัวนายบุญฤทัย ผลการชี้ตัว พยานยืนยันว่านายบุญฤทัย เป็นผู้กระทำความผิด แต่นางบังอร ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด จากการสอบสวน นายบุญฤทัย ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ใช้ไม้ตีผู้ตายจริง ส่วนสาเหตุเกิดจากนายบุญฤทัยเข้าใจผิดว่าผู้ตายมาขโมยเงิน ข้อมูลของความมั่นคงพบว่าเงินดังกล่าวได้มาจากบ่อน ส่วนผู้หญิงอีกรายที่ร่วมกันก่อเหตุ ทางศาลอาญาได้ออกหมายจับตามภาพวงจรปิดแล้ว ทราบชื่อว่า นางอ้อย ไม่ทราบชื่อและสกุลจริง หลังจากนี้จะสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า คำให้การของนายบุญฤทัย อ้างว่ารู้จักกันกับผู้ร่วมก่อเหตุ ซึ่งนายบุญฤทัยไม่ได้ตอบถึงความสัมพันธ์ โดยจะให้ทางพนักงานสอบสวนสอบปากคำต่อ ทั้งนี้ประจักษ์พยานยืนยันแล้วว่านางบังอรไม่ใช่นางอ้อยที่ร่วมก่อเหตุ นอกจากนี้นางบังอรยังมีประจักษ์พยานที่บอกได้ว่านางบังอรไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ จึงให้นำพยานมาสอบปากคำ และจากการตรวจดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุพบว่าไม่ตรงกับนางบังอร อย่างไรก็ตามชื่อบุคคลที่ซ้ำกันไม่มีผลต่อการออกหมายจับ เนื่องจากต้องมีพยานชี้ตัวผู้กระทำผิด ไม่ได้ชี้ชื่อและนามสกุล ทั้งนี้ต้องมีหลักฐานพอสมควรศาลจึงออกหมายจับ แต่หลักฐานอาจจะคลาดเคลื่อน ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านางอ้อยอยู่ในเรือนจำทางภาคใต้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าไม่ใช่ เพราะอายุต่างกัน

ด้านนางบังอร กล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่ช่วย ตนถูกจับอยู่ที่สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย 1 คืน ก่อนจะถูกส่งตัวมาที่สน.ประชาชื่น โดยถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ตนไม่เคยพักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯเคยมาเพียงครั้งเดียวเมื่ออายุ16ปี หลังจากถูกจับน้องสาวมาประกันตัวที่สน.ประชาชื่น และตนจึงได้ต่อสู้เรียกร้องความบริสุทธิ์มาโดยตลอด

นายสงกานต์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างของประชาชนที่ได้ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม หากเราไม่ใช่ผู้กระทำความผิดต้องเรียกร้องขอความเป็นธรรม หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนและตรวจสอบแล้วว่านางบังอรไม่น่าจะเป็นผู้กระทำความผิด จึงรวบรวมข้อมูลยื่นต่อพล.ต.อ.ศรีวราห์ จากนั้นได้มีการนำดีเอ็นเอของนางบังอรไปตรวจเปรียบเทียบกับพยานวัตถุเป็นแก้วน้ำที่อยู่ในจุดเกิดเหตุพบว่าไม่ตรงกับนางบังอร และทางสน.ประชาชื่น ได้กู้ไฟล์ภาพจากกล้องวงจรปิด ระยะเวลาผ่านมาแล้ว3ปีได้ จึงพบว่ามีชายและผู้หญิงอายุประมาณ 20 ปี ร่วมกันก่อเหตุ ทั้งนี้นายบุญฤทัยได้รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารนำตัวนายบุญฤทัย มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน ต้องใช้ไม้ค้ำขาทั้ง 2 ข้างในการช่วยเดิน และเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันพยุงตัวนายบุญฤทัยด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image