ฝากขัง5คนร้ายมีดจี้ชิงมือถือ”เด็กนร.”อาละวาดย่านบางกะปิ เหยื่อแฉทำทีขอดูเวลา แถมบอก”กูขอนะ”

จากกรณีสังคมออนไลน์แชร์ภาพ พร้อมข้อความเตือนภัยของอาจารย์คนหนึ่ง ว่า นักเรียนในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งย่านบางกะปิที่สอนอยู่ ถูกทำร้ายร่างกาย และชิงทรัพย์ บริเวณสะพานข้ามคลองแสนแสบใกล้ตลาดบางกะปิ และเส้นทางเลียบคลองใกล้ท่าเรือวัดศรีบุญเรือง เหตุเกิดช่วงเย็นของวันที่ 4 สิงหาคม ก่อนที่คนร้ายจะลงมืออีกครั้งเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม มีนักเรียนตกเป็นเหยื่อรวม 4 คน โดย 1 ในนั้นถูกคนร้ายใช้มีดปาดคอจนเป็นแผล

ล่าสุดเมื่อเวลา12.00น. วันที่9สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาย2ราย ได้เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ทราบชื่อ นายภราดร สุกไกรรัตน์ และนายทนา โตนชัยภูมิ พร้อมเสื้อผ้าที่สวมใส่วันก่อเหตุ ก่อนจะขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มเพื่อนที่ช่วยนำทรัพย์สินผู้เสียหายไปขายอีก3ราย รวมเป็น 5 ราย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า มีนายสุเทพ หนูเทศ อีก 1 ราย อยู่ระหว่างหลบหนี

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด รับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุจริง ตระเวนจี้ชิงทรัพย์เด็กนักเรียนในพื้นที่บางกะปิ โดยเลือกเหยื่อเป็นเด็กนักเรียน เนื่องจากสามารถข่มขู่ได้ง่ายและไม่ต่อสู้ ในวันเกิดเหตุลงมือทั้งหมด3ราย รวมถึงยังก่อเหตุในลักษณะเดียวกันในวันที่ 4 สิงหาคม อีก 1 ราย และทรัพย์สินที่ได้จะนำไปขายยังร้านรับซื้อแห่งหนึ่งในห้างย่านบางกะปิ ก่อนนำเงินที่ได้ไปเที่ยวเตร่

ต่อมาเจ้าหน้าที่ขยายผลตามคำให้การของผู้ต้องหาจนสามารถติดตามโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายได้ จากร้านที่ผู้ต้องหานำไปขาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ โดยใช้อาวุธมีด เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บแก่ร่างกายและจิตใจ ร่วมกันพกพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังผัดแรก

Advertisement

พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก กล่าวว่า ในส่วนของผู้ต้องหาขณะนี้จับกุมแล้ว 5 ราย ทั้งที่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ และช่วยนำทรัพย์สินไปขาย ได้นำตัวฝากขังที่ศาลแล้ว คดีอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนการป้องกันเหตุได้ประสานกับ สน.ลาดพร้าว ที่เป็นพื้นที่รอยต่อ ในการช่วยกันส่งกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้ามาตรวจตราในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมกันนี้ยังฝากถึงร้านรับซื้อโทรศัพท์ ขอให้มีมาตรการใช้ใบรับซื้อของเก่า ในการเก็บข้อมูลของผู้ขาย เพื่อป้องกันการตกเป็นส่วนร่วมของมิจฉาชีพ

ด้านด.ช.เอ (นามสมมุติ)ผู้เสียหาย กล่าวว่า วันเกิดเหตุช่วงเย็นวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังเลิกเรียน ได้เดินกับเพื่อนอีก2ราย ไปไหว้ครูที่โรงเรียนเก่า ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน เมื่อเดินมาถึงใต้สะพานข้ามคลองแสนแสบ มีชาย2คนเดินมาถามเวลาว่ากี่โมงแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ก่อนที่ทั้ง2คนจะเดินออกไป แต่ชายทั้ง2กลับมาถามอีกครั้ง เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาอีกครั้ง จึงถูกมีดจ่อคอ ขณะที่อีกคนชกเข้าที่ใบหน้า ทำให้มีดที่จ่ออยู่บาดลำคอเป็นแผลยาว จากนั้นชาย 2 คน กระชากโทรศัพท์ไป บังคับให้บอกรหัสล็อกโทรศัพท์ และพูดเพียงว่า “กูขอนะ” ก่อนจะวิ่งหนีหายไป ส่วนเพื่อนที่เดินมาพร้อมกันไม่ได้ถูกทำร้ายหรือชิงทรัพย์ เพราะวิ่งหนีไปก่อน และในเวลาต่อมาได้ขอให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุช่วยทำแผลและแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ขณะที่ น.ส.บี (นามสมมุติ)มารดาของผู้เสียหาย กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ โดยเฉพาะช่วงเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ เพราะทำงานอยู่ต่างจังหวัด ทราบเรื่องจากลูกชาย ภายหลังรู้สึกตกใจมาก เพราะเป็นเส้นทางที่ลูกชายใช้เดินทางกลับบ้านเป็นประจำ ไม่เคยเจอกลุ่มผู้ต้องหา หรือมีเรื่องกันมาก่อน ทั้งที่ลูกชายไม่ได้ขัดขืน ยังถูกทำร้ายขนาดนี้ หากใครโดนและต่อสู้จะถูกทำร้ายแค่ไหน อยากฝากเตือนให้ประชาชนหรือเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ให้ระมัดระวัง หากเห็นว่าไม่มีคนอยู่ในบริเวณดังกล่าว หรือมีกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันในที่เปลี่ยว ให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง เพราะอาจถูกทำร้ายเช่นลูกชายตนเอง แต่ขณะนี้พอทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ก็รู้สึกอุ่นใจและขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคนอื่นอีก

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image