ศาลสั่งจำคุกดีเจเก่ง 7 เดือน คดีถอยกระบะชนเก๋งยาริส พร้อมเพิกถอนใบขับขี่-ยึดรถ เจ้าตัวเปลี่ยนใจรับสารภาพ เหลือโทษคุก 3 เดือน 15 วัน โดยไม่รอลงอาญา ยื่นเงินสด 1.5 หมื่นประกันตัวสู้ชั้นอุทธรณ์ ศาลอนุญาต
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ห้องพิจารณา 31 ศาลแขวงพระนครเหนือ ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมคู่ความ คดีหมายเลขคดีดำ ที่ อ.1116/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง (พระนครเหนือ) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ หรือดีเจเก่ง อายุ 35 ปี อดีตดีเจคลื่นวิทยุ 89.5 สวีทเอฟเอ็ม ในความผิดฐานขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น, ทำร้ายร่างกายไม่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายทางร่างกายและจิตใจ และทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจ จากกรณีเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา นายภัทรศักดิ์ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ทะเบียน ฌล 9645 กรุงเทพมหานคร ถอยหลังชนรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีแดง ทะเบียน กษ 8399 ขอนแก่น ของนายกวินกาญจน์ ศรีฤาชา อายุ 32 ปี ถึง 3 ครั้ง บนถนนมิตรไมตรี แต่นายภัทรศักดิ์ปฏิเสธ อ้างว่า คู่กรณีขับรถชนท้ายรถตัวเอง แต่หลังจากมีผู้ถ่ายคลิปขณะเกิดเหตุมาเผยแพร่ จึงออกมายอมรับสารภาพ อ้างว่า ถูกคู่กรณีขับรถปาดก่อน และถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์อย่างหนัก
ทั้งนี้ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ศาลได้สอบคำให้การนายภัทรศักดิ์แล้ว ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ศาลจึงนัดพร้อมในวันนี้เพื่อตรวจพยานหลักฐาน แต่ก่อนที่ศาลจะเริ่มกระบวนการพิจารณา นายภัทรศักดิ์ได้แถลงต่อศาล ขอกลับให้การรับสารภาพ ตามฟ้องโจทก์ โดยศาลสอบถามอัยการแล้วไม่คัดค้าน
ศาลพิจารณาพยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเห็นว่า การกระทำเป็นความผิดตามฟ้อง จึงพิพากษาจำคุกจำเลยเป็นเวลา 7 เดือน แต่จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุให้บรรเทาโทษเห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคง 3 เดือน 15วัน และเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ศาลเห็นว่า พฤติการณ์ร้ายแรงก่อเหตุบนถนนสาธารณะในเวลากลางวัน จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ โดยศาลให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีวิต ริบรถของกลาง ชดใช้ค่าเสียหายให้คู่กรณีเป็นเงิน 170,000 บาท ค่าเสียเวลา 250 บาท เป็นเวลา 45 วัน รวมเป็นเงิน 11,250 บาท
ภายหลัง นายภัทรศักดิ์ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 15,000 บาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย โดยตีราคาประกัน 15,000 บาท และนายภัทรศักดิ์ได้หลบเลี่ยงผู้สื่อข่าว โดยเดินทางออกจากศาลทันที
