ศาลฎีกาสั่งยกคำร้องประกันตัว’สรยุทธ-พวก’นอนเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ภายหลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำคุกนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือนางชนาภา บุญโต อดีตพนักงาน บริษัท อสมท มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของรัฐ จำคุก 20 ปี ส่วนนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดังและกรรมการผู้จัดการบริษัทไร่ส้ม และน.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงานบริษัทไร่ส้ม มีความผิดฐานสนับสนุน จำคุก 13 ปี 4 เดือน และปรับบริษัท ไร่ส้ม รวม 80,000 บาท

จากกรณีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 ถึง 28 เมษายน 2549 นางพิชชาภา ซึ่งเป็นพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บริษัท อสมท ได้จัดทำคิวโฆษณารวม ในรายการ “คุย คุ้ยข่าว” ซึ่งก่อนออกอากาศนางพิชชาภาใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลาจาก บริษัท ไร่ส้ม จำนวน 17 ครั้ง ทำให้ บรษัท อสมท เสียหาย 138,790,000 บาท และยังได้เรียกรับเอาเงิน 658,996 บาท จากบริษัท ไร่ส้ม และจำเลยร่วม เพื่อเป็นการตอบแทนที่นางพิชชาภาไม่รายงานการโฆษณา ทำให้เกิดความเสียหายแก่ บริษัท อสมท โดยบริษัท ไร่ส้ม นายสรยุทธและนางสาวมณฑา จำเลยที่ 2 ถึง 4 เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิด และมอบเช็คธนาคารธนชาต สาขาพระราม 4 สั่งจ่ายเงินให้นางพิชชาภา

โดยศาลอุทธรณ์ได้ส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาประกันตัวจำเลย ภายหลังนายสรยุทธยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินฝากคนละ 4 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว

ต่อมาเวลา 16.30 น. ที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลฎีกามีคำสั่งเกี่ยวกับการประกันตัวถึงศาลอาญาทุจริตฯ ในคดีที่นายสรยุทธ และเจ้าหน้าที่บริษัทำไร่ส้มจำกัด กับอดีตพนักงาน บมจ.อสมท จำเลย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์คนละ 4 ล้านบาท เพื่อขอประกันตัว

Advertisement

โดยนายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความของนายสรยุทธ และคณะได้เข้าฟังคำสั่งของศาลฎีกา ศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำร้องและหลักทรัพย์ในการประกันตัวของจำเลยทั้ง 3 รายเเล้วเห็นว่าจึงมีคำสั่งยังไม่ให้ประกันตัวจำเลยในชั้นนี้ จึงให้ยกคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับเหตุผลที่ศาลฎีกามีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวในชั้นนี้ เนื่องจากคดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ทั้งนี้ตามหลักของประมวลวิธีพิจารณาอาญา มาตรา 218 บัญญัติว่าในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุก 6 กระทงๆละ 5 ปี นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงาน บมจ.อสมท จำกัด ส่วนนายสรยุทธ และนางสาวมณฑา ธีระเดช พนักงานบริษัทไร่ส้ม จำคุก 6 กระทงๆ ละ 3 ปี 4 เดือน หากจะยื่นฎีกาจำเลยจะต้องดำเนินการตามมาตรา 221 ที่บัญญัติว่าหากจำเลยมีผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีนั้น หรือผู้พิพากษาที่ทำความเห็นแย้งคดีนั้นไว้ในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ หรืออัยการสูงสุดได้ลงชื่อรับรองในฎีกาว่ามีปัญหาสำคัญที่ควรสู่ศาลสูง และอนุญาตให้ฎีกาโดยมีเหตุอันควรที่ศาลสูงสุดจะได้วินิจฉัยก็ให้ยื่นฎีกานั้้นได้ แต่คดีของนายสรยุทธขณะนี้ยังมิได้ดำเนินการในส่วนนี้ ตามหลักกฎหมายที่บัญญัติไว้ หากทนายความดำเนินการตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้แล้วก็สามารถยื่นคำร้องขอประกันตัวได้ใหม่อีกครั้ง

ภายหลังที่ได้รับทราบคำสั่งไม่ให้ประกันของศาลฎีกาแล้ว นายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความนายสรยุทธ กล่าวว่าคดีนี้ ใช้สิทธิ์ยื่นฎีกาได้ แต่ก็ต้องให้ผู้พิพากษาหรืออัยการเซ็นรับรอง

Advertisement

หลังจากที่เวลา 16.50 น.เจ้าหน้าที่ ได้ควบคุมนายสรยุทธ นางพิชชาภา และนางสาวมณฑา ขึ้นรถตู้เรือนจำไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image