‘วิญญัติ’จี้อัยการเร่งสั่งคดี กปปส. ลั่น15วันไม่คืบลุยร้อง ป.ป.ช. ชี้สอบเพิ่มนักวิชาการพยานฟุ่มเฟือย

เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) พร้อมคณะทำงานเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่ออัยการ สำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 ขอให้เร่งรัดพิจารณาสั่งฟ้องคดีอาญา ในคดีพิเศษที่ 261/2556 โดยหนังสือคำร้องมีใจความระบุว่า ขอให้อัยการที่รับผิดชอบสำนวนคดีเร่งสั่งฟ้อง คดีร่วมกันเป็นกบฏของกลุ่ม กปปส. กับพวกกว่า 50 คน ที่มีการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมืองในช่วงปี 2556-2557 ต่อศาลอาญา เนื่องจากเห็นจากข้อเท็จจริงเเละพฤติการณ์ที่ผ่านมาอาจเป็นการกระทำเข้าข่ายประวิงเวลา อีกทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เรียกมาแจ้งข้อหาและส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติม ทั้งยังได้มีการเรียกผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหามาส่งตัวยังอัยการเพื่อให้พิจารณาสั่งฟ้องคดีอาญาไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่อัยการคณะทำงานพิจารณาคดีจะประวิงเวลาได้อีก

นายวิญญัติกล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ จะขอทราบชื่อพนักงานอัยการทั้งคณะที่ได้รับการมอบหมายหรือแต่งตั้งจากอัยการสูงสุดให้พิจารณาสำนวนคดีนี้ตามกฎหมายข้อมูลข่าวสาร มีการเปลี่ยนมาแล้วหลายคณะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ว่านั่นคือสาเหตุของความล่าช้าในการไม่นำตัวไปส่งฟ้องหรือไม่ เราจะติดตามเพื่อให้ประชาชนรับทราบ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยนายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ออกมารับหนังสือ และกล่าวว่า จะนำหนังสือคำร้องไปพิจารณาว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร หลังจากนั้น จะนำเสนอกับคณะทำงาน ขณะนี้การสอบสวนเพิ่มเติมเหลืออยู่ประเด็นเดียว คือความเห็นทางวิชาการ กำลังวินิจฉัยว่าทุกอย่างจะสั่งในแนวทางไหน แล้วแต่คณะทำงานจะพิจารณาอีกครั้ง ส่วนที่ทางผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมขอให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมเข้ามานั้น มีการอ้างเพิ่มเติมเข้ามาเมื่อเร็วๆ นี้อีกครั้ง เรากำลังวินิจฉัยอยู่ ยังตอบไม่ได้ว่าต้องมีการสอบเพิ่มเติมหรือไม่

นายวิญญัติกล่าวภายหลังยื่นหนังสือว่า หลังจากได้รับหนังสือเเล้วทางอัยการจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม เพื่อตั้งเรื่องนี้ให้คณะทำงาน โดยอัยการเเจ้งว่าขณะนี้ยังมีประเด็นที่ฝ่ายผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา ขอให้สอบนักวิชาการเพิ่มเติมอีกหนึ่งประเด็น ตนเห็นว่าเป็นพยานที่ฟุ่มเฟือย เนื่องจากข้อสมบูรณ์ของการสอบสวนของพนักงานสอบสวนนั้นพฤติการณ์ต่างๆ ชัดเจนอยู่แล้ว พยานความเห็นเป็นพยานที่ไม่สามารถชี้ถูกชี้ผิดได้ ย่อมสามารถตัดออกได้ ตนตั้งข้อสังเกตว่าการดึงพยานเหล่านี้เข้ามาเป็นลักษณะเพื่อดึงคดีให้ล่าช้าไปกว่านี้หรือไม่ อัยการต้องมีส่วนรับผิดชอบ ตนถือว่าเรื่องนี้อัยการสูงสุดในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูง จะต้องกำชับมายังคณะทำงานให้มีการสั่งฟ้องโดยเร็ว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางอัยการเเจ้งว่า จะมีการประชุมอีกทีเมื่อไร นายวัญัญัติกล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะประชุมอีกทีเมื่อไร แต่ได้เเจ้งว่าเร็วๆ นี้ จะให้เวลาทางอัยการแจ้งความคืบหน้าคดีภายใน 15 วัน หลังจากนี้ ถ้ายังไม่มีการสั่งฟ้องหรือแจ้งผลมาให้ตนจะนำเรื่องนี้ไปกล่าวโทษต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเเห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยจะร้องเอาผิดตั้งแต่อัยการสูงสุดจนมาถึงคณะการทำงานทั้งหมด

“หลังจาก 15 วัน ถ้าไม่มีการสั่งฟ้องหรือแจ้งผล ผมเห็นว่าจะต้องมีการดำเนินการ เพราะถือว่าไม่ใช่ 15 วันนี้เท่านั้น 3 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะฉะนั้น 15 วันจึงไม่ใช่ตัวแปรที่สำคัญ โดยรายชื่อก็ได้มาแล้ว อย่างน้อยทราบแล้วว่าอัยการสูงสุดที่รับช่วงต่อจากอัยการที่สั่งฟ้องเป็นใคร และผู้ตรวจรวมไปถึงคณะทำงาน รวมทั้งสิ้นประมาณ 7-8 คน” นายวิญญัติกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image