ตำรวจท่องเที่ยวจับกุมผู้ต้องหาแก๊งคอลฯไต้หวันร่วมมาเลย์เครือข่ายค้ามนุษย์

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ, พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รรท.ผบก.สปพ., พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.เกื้อกมล ดวงประทีป ผกก.1 บก.ทท.1, พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย ผกก.3 บก.ทท.1, พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.คธม.บช.ทท., พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางแก้ว บูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ทหารร้อย รส.ส.พัน.2 พล.ร.2 รอ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว, บก.สปพ., ตม.จว.สมุทรปราการ ร่วมกันตรวจค้นห้องพักหมายเลข 10B ชั้น 10 การ์เด้นทาวเวอร์ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และจับกุมผู้ต้องหาดำเนินคดี ดังนี้ 1.นายเฟิย หลง เชา สัญชาติไต้หวัน ข้อหา “ร่วมกันค้ามนุษย์, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” 2.นายคี เหวิย เหลียง สัญชาติมาเลเซีย ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และต่อมาวันที่ 28 ตุลาคม ขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีก 1 ราย คือนายออง ชี ยอง สัญชาติมาเลเซีย ตามหมายศาลจังหวัดสมุทรปราการ ข้อหา “ร่วมกันค้ามนุษย์, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ”

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ชุดจับกุมรับการประสานจากตำรวจประจำสถานทูตประเทศมาเลเซียว่ามีหญิงชาวมาเลเซีย ชื่อ น.ส.คู เวน ชิง ถูกทำร้ายและกักขังอยู่ภายในห้องพักหมายเลข 10B ชั้น 10 การ์เด้นทาวเวอร์ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจชุดจับกุมจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบห้องดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบนายเฟิย หลง เชา รับว่าเป็นเจ้าของห้อง และพบ น.ส.คู เวน ชิง หญิงชาวมาเลเซียตรงตามที่รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถานทูตถูกกักขังอยู่ภายในห้องดังกล่าวกับเพื่อนชื่อ นายวาน ยี เวิย สัญชาติมาเลเซีย สอบถามให้การว่าได้ถูกนายเฟิย หลง เชา สัญชาติไต้หวัน และนายออง ชี โยง สัญชาติมาเลเซีย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง บังคับขู่เข็ญให้ตนเองและเพื่อนทำงานเป็นพนักงานรับสายโทรศัพท์ เพื่อให้หลอกลวงชาวมาเลเซียให้โอนเงินให้ผู้ต้องหาในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และ น.ส.คู เวน ชิง ยังเล่าอีกว่าหากตนเองโทรศัพท์หลอกลวงไม่สำเร็จก็จะถูกทำร้ายร่างกายโดยใช้ท่อนเหล็กทุบตีร่างกาย โดยตลอดเวลาที่ถูกบังคับทำงานผู้ต้องหาจะยึดหนังสือเดินทางไว้ไม่ให้ออกจากห้อง นอกจากนี้ยังพบบุคคลอื่นๆ ที่ทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ภายในห้องพักดังกล่าวอีก 4 คน ตรวจสอบแล้วเป็นชาวมาเลเซีย 4 คน แบ่งเป็นหญิง 1 คน ชาย 3 คน นอกจากนั้นยังพบสิ่งที่น่าเชื่อว่าใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการโทรศัพท์หลอกโอนเงินจึงยึดไว้ตรวจสอบตามรายการ ดังนี้ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อ ASUS จำนวน 3 เครื่อง ไอแพด จำนวน 20 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 10 เครื่อง หูฟังโทรศัพท์ 13 อัน แป้นพิมพ์ตัวเลข 4 แป้น เราเตอร์อินเตอร์เน็ต 3 เครื่อง กล้องวงจรปิด 3 ตัว ซิมการ์ด AIS 10 อัน เครื่องพรินต์ ยี่ห้อแคนนอน จำนวน 1 เครื่อง เครื่องย่อยเอกสาร 1 เครื่อง

จากการสืบสวนขยายผล วันที่ 28 ตุลาคม สามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออีก 1 ราย คือ นายออง ชี ยอง สัญชาติมาเลเซีย ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 849/2560 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2560 ข้อหา “ร่วมกันค้ามนุษย์, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image